รีวิว Vivo V5 Lite น้องเล็กแห่งตระกูล V5

หลังจากเคยรีวิว Vivo V5 และ Vivo V5 Plus ไปแล้วก่อนหน้านี้ คราวนี้ถึงคิวน้องเล็กสุดอย่าง “Vivo V5 Lite” แม้จะเป็นรุ่นเล็กสุด แต่การใช้งานด้านต่างๆ โดยเฉพาะการถ่ายภาพสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้ได้ดีไม่แพ้รุ่นใหญ่เลย

รีวิว Vivo V5 Lite

Vivo V5 Lite สเปคมีดังนี้

– หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD (720 x 1280 พิกเซล)

– ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ครอบทับด้วย Funtouch OS 3.0

– ชิปประมวลผลประเภท Octa-Core ไม่ระบุชื่อรุ่น

– แรม 3GB, หน่วยความจำภายใน 32GB รองรับ microSD ความจุสูงสุด 128GB

– รองรับ 2 ซิมการ์ด ประเภท NANO SIM และ Micro SIM

– กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, ค่ารูรับแสง f/2.2

– กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ค่ารูรับแสง f/2.0

– พอร์ตเชื่อมต่อ microUSB 2.0, รองรับ USB OTG

– แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh (แกะฝาหลังเพื่อถอดแบตเตอรี่ไม่ได้)

– มีสองสีให้เลือก ได้แก่ Gold และ Rose Gold

– ราคา 7,490 บาท

การออกแบบ

คงพูดได้ว่าตระกูล V5 ทั้งหมด ตั้งแต่ V5, V5 Plus จนมาถึง V5 Lite ยึดแนวทางเดียวกันด้วยการใช้โลหะเป็นวัสดุชิ้นสำคัญในแบบที่เรียกว่า Unibody สำหรับฝาหลัง ด้านหน้าขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass แบบ 2.5D ขอบโค้งเล็กน้อย ติดฟิลม์มาให้เรียบร้อยตั้งแต่ภายในกล่อง ความแตกต่างของ Vivo V5 Lite คือ ด้านหน้าจะไม่มีปุ่ม home ทรงวงรีเหมือนอย่าง V5 และ V5 Plus ทำให้รุ่นนี้ไม่มีฟีเจอร์อย่างสแกนลายนิ้วมือมาให้ ซึ่งปุ่ม home รวมไปถึงปุ่ม back และ Recent app จะฝังอยู่ด้านล่างของหน้าจอ ไม่มีไฟ LED ในตัว

ตำแหน่งปุ่มต่างๆ รอบตัวเครื่องของ V5 Lite ไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจาก V5 และ V5 Plus ทั้งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง, ปุ่มพาวเวอร์ จะอยู่ตำแหน่งขวาของเครื่อง, ถาดซิมที่รองรับ 2 ซิมการ์ด หรือ microSD จะอยู่ในตำแหน่งซ้ายของตัวเครื่อง, ด้านล่างสุดจะเป็นช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต microUSB 2.0 และช่องลำโพงเสียง

พลิกมาด้านหลังยังคงในสไตล์ที่เรียบง่าย กล้องหลังมีลักษณะนูนมาเล็กน้อย พร้อมแฟลช LED และโลโก้ Vivo สลักอยู่ตรงกลาง แต่แนะนำว่าด้วยด้านหลังเป็นโลหะดังนั้นควรใส่เคสป้องกันรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ตั้งใจครับ

ในส่วนเมนูต่างๆ ภายในคงไม่พูดถึงมากเนื่องจากระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ครอบทับด้วย Funtouch OS 3.0 ไปจนถึงฟีเจอร์ต่างๆ ภายในไม่แตกต่างไปจาก Vivo V5 และ Vivo V5 Plus เลย สามารถเรียกใช้งานฟีเจอร์อย่าง “การโทรอัจฉริยะ” โทรออกหรือรับสายง่ายๆ ด้วยการยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบที่หูทันที แต่การโทรออกนั้นผู้ใช้จะต้องไปที่รายชื่อที่ต้องการโทรออกเสียก่อนจึงจะสามารถยกเครื่องมาแนบที่หูและให้โทรออกอัตโนมัติ

หรือจะเป็นในส่วนของเมนู “เริ่มต้นใช้งานด่วน” เมนูนี้เป็นการกำหนดการกดปุ่ม home สองครั้งเพื่อเรียกใช้งานแอพที่เรากำหนด แต่การใช้งานเมนูนี้จะกำหนดได้ทีละแอพเท่านั้น เช่น กำหนดให้กดปุ่ม home สองครั้งเพื่อเรียกใช้กล้องถ่ายรูป ส่วนที่เหลือจะเป็นเรียกใช้งาน Facebook และเปิด/ปิดไฟฉาย ก็ขึ้นอยู่กับคนใช้ละครับว่าอยากกดปุ่ม home สองครั้งแล้วให้เรียกอะไรจากหนึ่งในสามนี้

การใช้งานเพื่อความบันเทิง

เป็นอีกหนึ่งรุ่นในตระกูล V5 ที่ตอบสนองการดูหนัง ฟังเพลงเป็นอย่างดี มีวิทยุ FM มาให้ในตัว การเล่นเกมต่อเนื่องเป็นไปอย่างไหลลื่น (ทดสอบด้วยเกม ROV) มีระบบจัดการความร้อนดี แม้จะเล่นเกมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเครื่องยังไม่แสดงความร้อนออกมาให้เห็น ให้เสียงที่ค่อนข้างดัง ไม่ออกอาการเสียงแตกแม้จะเปิดในระดับที่ดังสุด

กล้องถ่ายภาพ

Vivo V5 Lite แม้จะเป็นรุ่นเล็กสุด แต่จุดเด่นจริงๆ ของรุ่นนี้ยังเป็นเรื่องการถ่ายภาพ โดยเฉพาะกล้องหน้าที่ให้ความละเอียดมาถึง 16 ล้านพิกเซล มีแฟลชมาให้ในตัว มี “โหมดใบหน้าสวย” ที่ยังแยกออกเป็นโหมดผิวนวล, โทนสกิน และปรับขาว ทันทีที่เราเปิดกล้องหน้าขึ้นมาตัวเซนเซอร์จะดำเนินการอย่างรวดเร็วในการตรวจจับใบหน้า เพื่อแสดงถึงความพร้อมให้เราเซลฟี่ได้อย่างรวดเร็ว

ในการตั้งค่าเพื่อการเซลฟี่ที่ง่ายขึ้นผู้ใช้สามารถกำหนดค่าของการถ่ายภาพด้วยการแตะที่หน้าจอ, สั่งงานด้วยเสียงเพียงพูดว่า “หนึ่ง สอง สาม” หรือ “Cheese” และการใช้ฝ่ามือยกขึ้นมาที่หน้าจอเพื่อให้ถ่ายภาพเองอัตโนมัติ ส่วนของการถ่ายวีดีโอด้วยกล้องหน้ามีให้เลือกความละเอียดตั้งแต่ 480P, 720p ไปจนถึง 1080P

อินเทอร์เฟซของกล้องหน้า

แม้ Vivo V5 Lite จะเป็นอีกรุ่นที่เน้นเรื่องการถ่ายเซลฟี่ แต่สำหรับกล้องหลังที่ให้ความละเอียดมา 13 ล้านพิกเซล ประสิทธิภาพไม่ได้ด้อยไปกว่ากล้องหน้านัก การภาพวิวหรือถ่ายภาพบุคคลสามารถให้ภาพที่สวยงามได้ในระดับที่ดี การใช้งานกล้องหลังยังมี “โหมดใบหน้าสวย” ให้ใช้งานเช่นเดียวกับกล้องหน้า, มีฟิลเตอร์ให้เลือกหลายแบบ, มีโหมดถ่ายภาพอื่นๆ เช่น ถ่ายภาพกลางคืน, Ultra HD, ถ่ายภาพมืออาชีพ เป็นต้น ส่วนของการถ่ายวีดีโอมีให้เลือกความละเอียดตั้งแต่ 480P, 720p ไปจนถึง 1080P, สามารถสั่งถ่ายภาพด้วยคำพูดและยกฝ่ามือขึ้นมาได้เช่นเดียวกับกล้องหน้า

ตัวอย่างภาพถ่าย

ภาพจากกล้องหน้า

ภาพซ้าย : ถ่ายด้วยโหมดปกติ, ภาพขวา : ถ่ายด้วยโหมดใบหน้าสวย

ภาพจากกล้องหลัง

 

บทสรุป รีวิว Vivo V5 Lite

ความรู้สึกของการสัมผัสแทบไม่ต่างไปจากรุ่น V5 หรือ V5 Plus ให้ความถนัดในเวลาหยิบถือ แต่อยากที่บอกไปตอนต้นครับว่าด้วยด้านหลังเป็นโลหะ ควรใส่เคสป้องกันรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ตั้งใจครับ การใช้งานเพื่อความบันเทิง การถ่ายภาพยังเป็นจุดขาย เช่นเดียวกับแบตเตอรี่ที่มีระบบการจัดสรรพลังงานที่ช่วยให้การใช้งานหนึ่งวันได้สบายๆ แบบไม่ต้องชาร์จ

ข้อด้อยในรุ่นนี้จะไม่มีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ ถาดใส่ซิมต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างใส่ 2 ซิม แต่ใส่ microSD ไมได้ หรือใส่ซิมเดียว เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานด้วย microSD

Vivo V5 Lite วางขายแล้วในราคา 7,490 บาท

ขอขอบคุณ Vivo Thailand สำหรับ Vivo V5 ในการรีวิวครั้งนี้