iPhone 17 เมื่อ Apple ตามโลกไม่ทัน ในเรื่องของ AI

iPhone 17

คิดว่าทุกคนน่าจะพอเห็นข่าวการเปิดตัว iPhone 17 มาบ้างแล้วล่ะนะ สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นได้ในครั้งนี้ คงหนีไม่พ้น iPhone 17 Air ที่นับว่า ได้รับชัยชนะทางวิศวกรรมที่เปลี่ยนนิยามของคำว่า Smartphone ไปอีกขั้น

Apple สามารถออกแบบให้บางลง แต่ยังคงประสิทธิภาพไว้ได้เหมือนเดิม ซึ่งก็ต้องบอกว่า เทรนด์กำลังจะเปลี่ยนรูปแบบการออกแบบ Smartphone ในตลาด Android ไปด้วยแน่ เหมือนกับตอน หูฟัง Airpod..

แต่ในเรื่องของเทคโนโลยีสำคัญ อย่าง AI นั้นค่อนข้างน่าผิดหวัง ท่ามกลางสมรภูมิปัญญาประดิษฐ์ที่ดุเดือด แต่ละค่ายเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างเปิดตัว AI สุดล้ำเพื่อแย่งชิงพื้นที่สื่อ ทั้งโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่สามารถสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไปจนถึง AI ที่เสกภาพขึ้นมาจากข้อความเพียงไม่กี่คำ หรือใช้ลบคนอื่น ๆ ออกจากภาพที่เราถ่าย แต่ในงาน ผมเกิดคำถามว่า (และคิดว่าหลายคนน่าจะคิดแบบเดียวกัน) ว่าทำไม้ ทำไม Apple ถึงไม่มี Siri Pro มาสู้กับ ChatGPT? ทำไมไม่มีการสาธิต AI ที่น่าตื่นตาตื่นใจ?

ไม่รู้ว่าอยากฉีกแนว หรือพัฒนาตามคนอื่นไม่ทัน?

สองคำถามเกิดขึ้นในหัวทันที เรื่องนี้อาจไม่ใช่เพราะ Apple พัฒนาไม่ทัน แต่อาจจะกำลังใช้ กลยุทธ์ AI ที่แตกต่างจากคนอื่น มันอาจเป็นการเดิมพันระยะยาวที่ Apple ไม่ได้ต้องการสร้าง AI ที่โดดเด่นที่สุด แต่ต้องการสร้าง AI ที่ผสานรวมกับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ได้อย่างแนบเนียนที่สุด จนเราอาจลืมไปแล้วว่ามีมันอยู่ ซึ่งมันอาจเรียกง่าย ๆ Invisible AI ครับ

ในขณะที่คู่แข่งกำลังแข่งขันกันสร้างตึกระฟ้าทาง AI ที่สูงตระหง่านและมองเห็นได้จากระยะไกล (เปรียบเทียบให้มองเห็นง่าย ๆ นะ) Apple กลับเลือกที่จะเป็นผู้สร้างระบบประปาที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพอยู่เบื้องหลัง

ตึกระฟ้า ในที่นี้คือแอปพลิเคชันหรือฟีเจอร์ AI ที่ผู้ใช้ต้องตั้งใจเข้าไปใช้งาน เช่น การเปิดแชทบอทเพื่อถามคำถาม หรือการเข้าเว็บเพื่อสร้างภาพ สิ่งเหล่านี้มอบประสบการณ์ที่น่าร้องว้าวได้นะ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่แยกส่วนออกมาจากกิจกรรมอื่น

ในทางกลับกันระบบประปาของ Apple คือการฝังความสามารถของ AI ลงไปในทุกอณูของระบบปฏิบัติการและฮาร์ดแวร์ มันไม่ใช่ฟีเจอร์ที่คุณต้องเรียกใช้ แต่มันคือความฉลาดที่ทำงานอยู่เบื้องหลังเพื่อทำให้ทุกอย่างดีขึ้น “เล็กน้อย” ไม่ว่าจะเป็น AirPods Pro 3 ที่สามารถแปลภาษาได้แบบเรียลไทม์, ระบบค้นหาภาพในเครื่องที่ฉลาดขึ้น,

หรือการที่ iPhone สามารถจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งหมดนี้คือผลงานของ AI ที่ทำงานอย่างเงียบๆ และสอดคล้องกับปรัชญาหลักของบริษัทที่ว่า “ดีไซน์คือวิธีการทำงานของมัน” (Design is how it works) ของ Steve Job

ทำไม Apple ถึงไม่เปิดตัวผู้ช่วย AI มาแข่งกับ ChatGPT โดยตรง ผมพยายามหาข้อมูล แล้ววิเคราะห์ออกมาให้อ่าน 3 ข้อนะ

1. เดิมพันที่ฮาร์ดแวร์ก่อนซอฟต์แวร์ Apple อาจเชื่อว่าประสบการณ์ AI ที่ดีที่สุดและเป็นส่วนตัวที่สุดต้องเริ่มจากฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลัง การเปิดตัวชิป A19 Pro ที่มาพร้อม Neural Accelerators ในทุกคอร์ของ GPU และระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ไม่ใช่แค่การอัปเกรดสเปกประจำปี แต่มันคือการวางศิลาฤกษ์สำหรับสถาปัตยกรรม AI ในอนาคต Apple กำลังสร้าง เครื่องยนต์ที่ทรงพลังและประหยัดพลังงานที่สุดเสียก่อน ก่อนที่จะนำ ตัวถังที่สวยงามมาครอบทับ ซึ่งการสร้างแชทบอทที่ต้องพึ่งพาการประมวลผลบนคลาวด์เป็นหลักนั้นขัดแย้งกับแนวทางนี้

2. ป้อมปราการแห่งความเป็นส่วนตัว นี่คือจุดขายที่แข็งแกร่งที่สุดของ Apple โมเดล AI ขนาดใหญ่ของคู่แข่งต้องอาศัยข้อมูลมหาศาลจากผู้ใช้และประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ ซึ่งสร้างความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว แต่กลยุทธ์ของ Apple อาจจะเน้นการประมวลผลบนอุปกรณ์ หรือ On-device Processing ให้ได้มากที่สุด

การมีชิปที่ทรงพลังหมายความว่า iPhone สามารถทำงานที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องส่งข้อมูลส่วนตัวของเรากลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ เพราะความฉลาดต้องมาพร้อมกับความเป็นส่วนตัว การสร้าง Siri Pro ที่ต้องพึ่งพาคลาวด์ตลอดเวลาจะเป็นการทำลายจุดยืนดังกล่าว

3. พลังของระบบนิเวศ ต้องยอมรับว่า AI ของ Apple อาจไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่ออาศัยอยู่ในแอปเดียว แต่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์เข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น Workout Buddy ที่ให้เสียงโค้ชผ่าน AirPods ขณะที่เราออกกำลังกายด้วย Apple Watch ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะ AI สามารถทำงานประสานกันระหว่างอุปกรณ์หลายชิ้นได้อย่างลงตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่แชทบอทเดี่ยวๆ ไม่สามารถทำได้

แน่นอนว่ามุมมองจากภายนอกอาจมองว่าแนวทางของ Apple นั้นดูเชื่องช้าและเป็นการตั้งรับ แต่หากมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ นี่คือกลยุทธ์คลาสสิกของ Apple เอง พวกเขาไม่ใช่ผู้ผลิต MP3 Player รายแรก และไม่ใช่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายแรก แม้กระทั่งหูฟัง Bluetooth รายแรก แต่พวกเขามักจะรอศึกษาตลาด แล้วจึงเข้ามาปฏิวัติวงการด้วยผลิตภัณฑ์ที่มอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีกว่าและครบวงจรที่สุด

การเดิมพันกับ Invisible AI ก็เช่นเดียวกัน Apple อาจกำลังรอให้เทคโนโลยี AI พัฒนาไปถึงจุดที่สามารถทำงานบนอุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบและเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง เมื่อถึงวันนั้น การเปิดตัวผู้ช่วยอัจฉริยะรุ่นต่อไปของพวกเขาอาจไม่ใช่แค่การ ตามทัน แต่อาจเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ที่คู่แข่งต้องหันกลับมามอง

ข้อมูลจาก