รีวิว : Otterbox Pursuit Case เสริมความถึกให้กับ Samsung Galaxy S9+

ตกน้ำไม่ดับ ตกพื้นไม่กระจุย นิยามสำหรับเจ้า Otterbox Pursuit เคสกันกระแทกชื่อดังนี้ ซึ่งรอบนี้ในร่างของ Samsung Galaxy S9+ เปลี่ยนให้สมาร์ทโฟนบาง ๆ อย่าง S9+ กลายเป็นสมาร์ทโฟนลุยภาคสนามได้ทันที !!

สำหรับชื่อ Otterbox ใครที่ใช้ iPhone หรือ Samsung น่าจะเคยได้ยินชื่อนี้ มันคือแบรนด์ผู้ผลิตเคสกันกระแทกชื่อดัง ที่ถึงขนาดถูกเรียกว่าเป็นเคสกันกระแทกที่มียอดขายอันดับ 1 ในสหรัฐกันเลย ส่วนจะจริงไหมนั้น ก็ขอมาพิสูจน์กับรีวิวนี้กัน ซึ่งครั้งนี้ผมได้รุ่น “Pursuit” มารีวิว โดยเป็นเคสกันกระแทกแบบขอบบาง ไม่หนามาก แต่ยังคงคุณสมบัติด้านการป้องกันครบถ้วน

แกะกล่อง

ในกล่องก็ประกอบไปด้วยตัวเคส สายคล้อง และชุดคู่มือ

วัสดุและการออกแบบ

ตัวเคส Otterbox Pursuit จะมีทั้งหมด 3 สี แบ่งเป็น Black/Clear (สีดำเงา) , Coastal Rise (สีชมพูขอบน้ำเงินเข้ม) ส่วนรุ่นที่ได้รีวิวนี้คือ Black หรือสีดำด้านนี้เอง ตัวขอบเป็นยาง ส่วนกรอบหลังเป็นพลาสติกที่ค่อนข้างหนาหน้าทีเดียว

จากคุณสมบัติตัวเคสระบุว่า นอกจากป้องกันทั้งการตกกระแทกแล้ว ยังป้องกันฝุ่นละอองกับอากาศเย็นได้ด้วย ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะตัวเคสเป็นแบบประกบกัน 2 ชิ้น โดยมีกรอบด้านหน้าเป็นซีลครอบหน้าจออย่างพอดี อีกส่วนก็เป็นตัวเคสที่ครอบทั้งร่างของ S9+ หมดจด

ส่องด้านในตัวเคส ก็จะเห็นแผ่นพลาสติกมันวาว และขอบป้องกันบริเวณกล้อง

ส่วนการประกอบนั้น ต้องบอกเลยว่า “ถอดง่าย ใส่ยาก” ตอนถอดแค่แบะส่วนที่ล็อค แล้วดึงออกง่าย ๆ เลย แต่ตอนตอนประกบตัวเคสนั้น ต้องเอานิ้วไปไล่ขอบยางให้มันกลืนลงไปทีละนิด ส่วนนี้ต้องออกแรงเล็กน้อย ในคู่มือบอกให้กดขอบล่าง (ตรงส่วนพอร์ตเชื่อมต่อและหูฟัง) ก่อน จากนั้นค่อยไล่ขึ้นส่วนบน สำหรับใครที่ประกอบครั้งแรก ได้ใช้เวลาพอควรแน่ ๆ พอเริ่มชินแล้ว ก็อาจใช้เวลาน้อยลงบ้าง แต่ก็ยังลำบากอยู่ดี..

ผ่าง !! หลังประกอบตัวเคสเสร็จ ก็ได้หน้าตาประมาณนี้ จาก S9+ ดูบอบเบา กลายเป็นสมาร์ทโฟนสายถึก หน้าตาเหมือนพวกสมาร์ทโฟนภาคสนามเน้นลุย ตัวเคสช่วยเพิ่มความดุดันและดูมีความแข็งแรงมากขึ้น

ขอบหน้าจอก็ถูกซีลป้องกันเรียบร้อย

เมื่อพลิกดูด้านหลัง อย่างที่กล่าวไป ส่วนนี้จะเป็นพลาสติกแข็งและหนา จากภาพก็จะเห็นส่วนที่นูนออกเป็นหลังเต่าชัดเจน พร้อมโลโก้ “Otterbox” ที่มาเด่นอยู่ตรงนี้เอง

บริเวณกล้องก็มีขอบป้องกันรอบ ๆ ช่วยป้องกันไม่ให้สัมผัมกับพื้นผิวเวลาวางเครื่อง หรือเวลาตกกระแทกได้

ปุ่มยางปิดเครื่อง ปุ่มปรับเสียง และปุ่ม Bixby ใหม่ กับรูที่เว้นว่างสำหรับไมค์ตัวเครื่องด้านบน

ฟีเจอร์พิเศษ

ส่วนที่ดีงามสำหรับเคสนี้เลยคือ “รองรับสายคล้อง” ตัวเคสมาพร้อมสายคล้องและช่องใส่ในตัว โดยส่วนตัวผมชอบตรงนี้มาก (น้ำตาจะไหล T T) เพราะเดี๋ยวนี้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ไม่มีช่องใส่สายคล้องแล้ว ทำให้เวลาถือตัวสมาร์ทโฟนถ่ายรูป ต้องจับเครื่องให้มั่นคงเสมอ ไม่งั้นร่วง !! เนื่องจากไม่มีอะไรผูกแขนไว้ แต่พอมีสายคล้องนี้ ก็หมดปัญหาตรงนี้ไปเลย

อีกส่วนคือ “ช่องระบายเสียงลำโพงใหม่” คือตัว S9+ มันมี 2 ลำโพง แต่ลำโพงตัวที่ 2 นั้น มันดันอยู่ตรงก้นเครื่อง ที่เดียวกับพอร์ต USB-C และรูเสียบหูฟัง ทำให้เวลาเล่นเกมหรือดูหนัง มือชอบเผลอไปปิดลำโพงนี้เสมอ จะเลี่ยงก็เลี่ยงยาก แต่หลังใส่เคสนี้ ก็ทำให้เสียงลำโพงย้ายมาออกด้านหน้าแทน ไม่ต้องรำคาญเวลาเผลอเอามือไปบังอีกต่อไป

สุดท้ายฝายางปิดพอร์ต USB-C และรูเสียบหูฟัง ช่วยป้องกันฝุ่นละลองหรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ ไม่ให้เข้าเครื่องผ่านช่องนี้ได้

สรุป

สำหรับใครที่มองมาเคสกันกระแทกซักตัว แต่ขอไม่หนาจนน่าเกลียด ก็แนะนำเจ้า Otterbox Pursuit ตัวนี้เลย จากภาพก็เห็นว่า มันเป็นเคสกันกระแทกอย่างดีตัวหนึ่ง แต่กลับมาพร้อมขอบเครื่องที่ไม่หนามาก (ยกเว้นด้านหลัง ที่นูนไปนิด) ตอนแรกว่าจะทดสอบ Drop Test แต่ลืมไปว่าตัว Samsung Galaxy S9+ ของผม ยังไม่ได้ติดฟิลม์กันแตก เลยขอไม่เสี่ยงดีกว่า มาดูภาพหลังใส่และฟีเจอร์เด็ด ๆ มันแทน คือนอกจากตัวเคสจะไม่หนามากแล้ว ส่วนท่ี่ประทับใจอื่น ๆ ก็มี หลังใส่แล้วหล่อขึ้นจริง ๆ มีสายคล้องมือ และทั้งหน้าจอกับพอร์ตถูกซีลเรียบร้อย ช่วยป้องกันทั้งน้ำเข้าและฝุ่งละอองได้อีกะระดับ แต่ส่วนที่หนักใจ ก็มีเฉพาะตอนประกอบเท่านั้น ที่ขอฟ้องเลยว่า “ใส่ยาก” แต่ยังดีที่ถอดง่าย สุดท้ายนี้ราคาของ Otterbox Pursuit สำหรับ S9+ ตัวนี้ ก็อยู่ที่ 79.95 เหรียญฯ หรือประมาณ 2,500 บาทครับ