AI มีต้นทุน เบื้องหลังความฉลาด หนึ่งคำถามแลกน้ำ 1 ขวด

AI มีต้นทุน

ทุกวันนี้เราใช้ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่การถามคำถามกับ ChatGPT ไปจนถึงการสร้างรูปภาพ แต่เคยสงสัยไหมว่าเบื้องหลังความฉลาดล้ำนี้มีต้นทุนอะไรซ่อนอยู่?

รายงานล่าสุดเผยว่า AI กินน้ำ ในปริมาณที่น่าตกใจ โดยการสนทนากับ ChatGPT (รุ่น GPT-3) เพียงไม่กี่ประโยค อาจต้องใช้น้ำสะอาดมากถึง 500 มิลลิลิตร หรือเทียบเท่ากับน้ำดื่มขวดเล็กหนึ่งขวดเลยทีเดียว

เบื้องหลังการ ‘กินน้ำ’ ของ AI มาจาก การใช้ทรัพยากรน้ำมหาศาลของ AI ไม่ได้มาจากการที่ตัวโปรแกรมดื่มน้ำเข้าไปโดยตรง แต่มาจาก 2 ส่วนหลักในโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนมันอยู่ นั่นคือ

1.การระบายความร้อนที่ Data Center ซึ่งการจะให้ AI ทำงานได้ดี จำเป็นต้องเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้ประมวลผล AI  ซึ่งจะต้องทำงานหนักตลอดเวลาจนเกิดความร้อนสูงมาก

และเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องพัง จึงต้องมีระบบหล่อเย็น ซึ่งส่วนใหญ่มักใช้เทคนิคการระเหยของน้ำ ในการดึงความร้อนออกจากระบบ ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำไปในอากาศจำนวนมาก นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้ Data Center ใช้น้ำ ปริมาณมหาศาล

2.การผลิตไฟฟ้าเพื่อป้อน Data Center ส่วนใหญ่แล้ว ศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ ต้องการไฟฟ้าจำนวนมากเพื่อหล่อเลี้ยงเซิร์ฟเวอร์ โรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน, ก๊าซธรรมชาติ หรือนิวเคลียร์ ต่างก็ต้องใช้น้ำในกระบวนการผลิตไอน้ำและระบายความร้อน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งต้นทุนทางทรัพยากรที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการทำงานของ AI

โมเดล AI รุ่นใหม่ มีการใช้ทรัพยากรลดลง โดยเทคโนโลยี AI ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โมเดลรุ่นใหม่ๆ ถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก ตัวอย่างเช่น GPT-4o ใช้พลังงานและน้ำน้อยกว่ารุ่นเก่าอย่าง GPT-3 หรือ GPT-5 หลายเท่า

ขณะที่ Gemini ของ Google ก็เปิดเผยข้อมูลว่าใช้พลังงานและน้ำต่อหนึ่งคำสั่งในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการ ลดการใช้พลังงาน AI ของบริษัทเทคโนโลยีครับ

อนาคตของ AI ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บริษัทเทคโนโลยีกำลังพัฒนาโซลูชันใหม่ๆ เช่น ระบบหล่อเย็นแบบจุ่มเซิร์ฟเวอร์ลงในของเหลวที่ไม่นำไฟฟ้า (Immersion Cooling) หรือระบบระบายความร้อนแบบวงจรปิดที่ไม่ต้องใช้น้ำเลยของ Microsoft

แม้ว่า ChatGPT ใช้พลังงาน และน้ำในปริมาณที่สูง แต่เมื่อเทียบกับภาพรวมการใช้น้ำทั้งหมดของมนุษย์ เช่น การรดน้ำสนามหญ้าหรือภาคอุตสาหกรรม สัดส่วนของ AI ยังถือว่าน้อยมาก

แต่การตระหนักถึง ผลกระทบ AI ต่อสิ่งแวดล้อม และความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลจากบริษัทต่างๆ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถผลักดันนวัตกรรมไปพร้อมกับการดูแลรักษาโลกของเราให้ยั่งยืนต่อไปได้  ฉะนั้น ใครใช้ AI เป็นประจำ ก็ไม่ต้องไปกังวลว่า ตัวเองจะมีส่วนทำร้ายโลกนะ

ที่มา

theconversation