ส่องจุดเด่น Apple M2 แรงขึ้น กินแบตน้อยลง ปลดล็อกสเปก MacBook

เป็นไปตามคาด ในที่สุด Apple ก็ได้เปิดตัวชิปตระกูล M ภาคต่ออย่าง Apple M2 และอุปกรณ์สองตัวแรกที่ได้ประเดิมชิปตัวนี้ก่อนคือ MacBook Air 14″ กับ MacBook Pro 13″ รุ่นใหม่ประจำปี 2022 ชูประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ใช้พลังงานน้อยลง อย่างไรก็ตาม MacBook Air รุ่น M2 กลับมีราคาแรงกว่า MacBook Air รุ่น M1 อยู่ถึง 11,000 บาท จึงเกิดเป็นคำถามว่า หากต้องเพิ่มงบนับหมื่นเพื่อใช้ Apple M2 จะคุ้มหรือไม่ แล้วตัวชิปมีดียังไง เดี๋ยวลองมาดูกัน

Apple M2 ห่างกับ Apple M1 แค่ไหน

ในตอนที่เปิดตัว Apple ระบุว่า M2 จะมีความแรงเหนือกว่า M1 ในด้าน CPU ที่ 18% ด้าน GPU ที่ 35% และด้าน Neural Engine ที่ 40% นับว่ามีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าแน่นอน แต่ไม่ได้แรงระดับชวนทึ่งเหมือนตอนเปิดตัว M1 หรือ M1 Pro กับ M1 Max ครั้งแรก จะเรียกว่าเป็นชิป M1 รุ่นปรับปรุงก็ยังได้

“ชิป M2 คือจุดเริ่มต้นเจเนอเรชั่นที่ 2 ของชิปตระกูล M ซึ่งพัฒนาล้ำหน้าไปไกลยิ่งขึ้นจากคุณสมบัติอันน่าทึ่งของชิป M1”

Johny Srouji รองประธานอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ของ Apple กล่าว

จุดสำคัญของ Apple M2

นอกจากตัวเลขความแรงแล้ว จุดสำคัญจริง ๆ ของชิป M2 คือ เป็นชิปประมวลผลขนาด 5 นาโนเมตร กับมีทรานซิสเตอร์ 2 หมื่นล้านตัว มากกว่าชิป M1 ถึง 25% ด้านสเปก M2 รองรับหน่วยความจำหรือแรมได้สูงสุด 24GB แบนด์วิดท์สำหรับหน่วยความจำแบบรวม 100GB/s ในขณะที่ชิป M1 ใส่แรมได้สูงสุดเพียง 16GB อีกทั้งตัวชิป M2 ยังเพิ่มจำนวน Core CPU กับ GPU ได้สูงสุด 8/10 Core ส่วนชิป M1 สูงสุด 8/7 Core

จากข้อมูลเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า Apple M2 มีการปลดล็อกขีดจำกัดด้านสเปกพอควร ก็น่านำมาพิจารณาว่าเรา “มีความจำเป็นต้องใช้สเปกระดับนี้หรือไม่” ซึ่งเอาตรง ๆ ตัวชิป M1 ก็แรงมากแล้ว สำหรับการใช้งานทั่วไป แต่หากต้องการงาน Workstation ที่จริงจังขี้น ในขณะที่งบยังจำกัด Apple M2 ก็อาจเป็นคำตอบที่ดี

ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน

อีกจุดเด่นสำคัญของชิปตระกูล M ที่ทาง Apple ชูโรงมาตลอดคือ “การประหยัดพลังงานและความร้อนต่ำ” ต้องยอมรับเลยว่าทั้งชิป M1 กับชิป M1 Pro และ Max ต่างก็มีความแรงสูง แต่มีการใช้พลังงานที่น้อยเกินคาด สำหรับตัวชิป M2 ทาง Apple ระบุเลยว่า

“ชิป M2 มีประสิทธิภาพเร็วกว่าชิปกราฟิกแล็ปท็อป PC รุ่นล่าสุดถึง 2.3 เท่า แต่ใช้พลังงานเพียง 1 ใน 5” และยังกล่าวอีกด้วยว่า “ตัวชิป M2 มีประสิทธิภาพเร็วกว่าชิปแล็ปท็อป PC แบบ 10-core รุ่นล่าสุดเกือบ 2 เท่า แต่ใช้พลังงานเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น”

เมื่อใช้พลังงานน้อยลง ก็ส่งผลให้อุปกรณ์ที่ใช้ชิป M2 ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องที่หนา ไม่ต้องมีพัดลม และมีพื้นที่สำหรับใส่แบตฯ มากขึ้น และยังกินพลังงานน้อยขึ้น ส่งผลให้มีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่สูงว่าแล็ปท็อป PC หลายรุ่นนี้เอง

สุดท้ายหากเทียบการประหยัดพลังงานระหว่างชิป M2 กับ M1 หากใช้พลังงานระดับเดียวกัน ตัวชิป M2 ก็จะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าตัว M1 อย่าง CPU ที่ 18% ด้าน GPU ที่ 35% และด้าน Neural Engine ที่ 40% ทั้งหมดนี้คือประสิทธิภาพที่ได้จากชิป M2 และทั้งหมดก็ใช้พลังงานน้อยกว่าชิป M1 ทั้งสิ้น

MacBook Air 14″ กับ MacBook Pro 13″

เมื่อตัวชิป Apple M2 มีมาตรฐานการผลิตที่ 5 นาโนเมตร ก็ส่งผลให้ MacBook Air 14″ มีความบางได้อีก และไม่จำเป็นต้องใช้พัดลมด้วย ส่วนตัว MacBook Pro 13″ ที่ภายนอกแทบไม่ต่างจากเดิม แต่มีประสิทธิภาพมากว่ารุ่นก่อน และมีพัดลมที่ช่วยให้ใช้งานเวิร์กโหลดได้นานกว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมีราคาห่างกันเพียง 3 พันบาทเท่านั้น ทำให้หลาย ๆ คนอาจมีความหนักใจอยู่บ้าง แต่หากมาถึงตรงนี้ได้ ก็แสดงว่าเราได้เลือกหรือเล็งใช้ Apple M2 เข้าให้แล้วครับ

ที่มา : TheVerge , AppleNewsroom