Health Tech

ศิริราช เดินหน้าทดสอบนวัตกรรมทดแทนกระดูก OSSICURE Bone Graft ทางคลินิก พิสูจน์ผลงานของนักวิจัยไทย ใช้สำหรับการผ่าตัดกระดูกสันหลังได้จริง การทดสอบครั้งนี้ เป็นการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลและความปลอดภัยของ OSSICURE Bone Graft ที่พัฒนาโดยเอ็มเทค สวทช. กับผลิตภัณฑ์อ้างอิง Infuse Bone Graft ในการเชื่อมข้อกระดูกสันหลังส่วนเอว นับเป็นอีกหนึ่งในความพยายามพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ให้คนไทยสามารถเข้าถึงการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะถ้าดูจากสถิติจะพบว่ามีประชากรทั่วโลกกว่า 403 ล้านคน และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากถึง 104 ล้านคน มีปัญหากระดูกสันหลัง โดยเฉพาะโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม ในกลุ่มวัยทำงานและผู้สูงอายุ ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวดคอและปวดหลังเรื้อรังตามมา แม้การรักษาส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่ในบางกรณีต้องใช้การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง จากกระดูกจากผู้ป่วยเองหรือจากผู้บริจาค ซึ่งต้องใช้ต้นทุนสูง และมีความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน นวัตกรรม OSSICURE Bone...

ตรวจโรคได้ตรงจุด ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการดูแลสุขภาพได้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อประโยชน์จำกัดขอบเขตของโรคในผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โมเดลคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อวิเคราะห์สีลิ้นของผู้ป่วยเพื่อวินิจฉัยโรคแบบเรียลไทม์ เช่น โรคโลหิตจาง โรคโควิด-19 ปัญหาหลอดเลือดและระบบทางเดินอาหาร หรือโรคหอบหืด เทคโนโลยีของ AI ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วฝึกฝนอัลกอริทึมการเรียนรู้เพื่อระบุโรคต่างๆ ผ่านการวิเคราะห์สีของลิ้น  และฝึกโมเดลด้วยภาพ 5,260 ภาพ แยกแยะตามกลุ่มสีที่เห็นทั้ง แดง เหลือง เขียว น้ำเงิน เทา ขาว และชมพู จนทำให้มีความแม่นยำกว่า 98% นักวิจัยเผยว่าสี รูปร่าง และความหนาของลิ้นสามารถเผยให้เห็นปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานจะมีลิ้นสีเหลือง ผู้ป่วยมะเร็งจะมีลิ้นสีม่วงพร้อมคราบมันหนา และส่วนผู้ป่วยโควิด-19 รุนแรงมักจะมีลิ้นสีแดงเข้ม เป็นต้น AI สามารถพัฒนาวงการแพทย์ได้จริง...

จะดีแค่ไหน ถ้าเรามีพลาสเตอร์ที่ช่วยสมานแผลเรื้อรังได้เร็วขึ้น 30% นักวิทยาศาสตร์ North Carolina State ได้ประดิษฐ์ผ้าพันแผลราคาประหยัดที่ใช้สนามไฟฟ้าเพื่อเร่งการสมานแผลเรื้อรัง เพียงใช้น้ำเข้าไปกระตุ้นแบตเตอรี่ทำให้เกิดสนามไฟฟ้าที่ช่วยสมานแผลได้นานหลายชั่วโมง โดยเริ่มจากการทดลองกับสัตว์ พบว่าแผลที่ได้รับการรักษาด้วยผ้าพันแผลไฟฟ้าจะสมานเร็วขึ้น 30% เมื่อเทียบกับแผลที่ได้รับการรักษาด้วยผ้าพันแผลแบบธรรมดาทั่วไป แผ่นปิดแผลออกแบบให้มีความยืดหยุ่น ทำให้สามารถโค้งงอได้ปรับให้เข้ากับพื้นผิวของร่างกายได้ดี ใช้กับแผลที่มักพบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน เป็นแผลเปิดที่หายช้ามากหรือไม่หายเลย แผลเหล่านี้มักกลับมาเป็นซ้ำหลังการรักษา และอาจเพิ่มความเสี่ยงและเสียชีวิตได้ การกระตุ้นด้วยไฟฟ้าจากอุปกรณ์ช่วยเร่งการปิดแผล กระตุ้นให้เกิดการสร้างหลอดเลือดใหม่ และลดการอักเสบ แผ่นปิดแผลออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและทำกิจกรรมประจำวันได้สามารถรักษาที่บ้านได้ และจะเป็นตัวเลือกเสริมให้กับผู้ป่วยต่อไป   ที่มา : interestingengineering #TechhubUpdate

หุ่นยนต์ทำฟันตัวแรกของโลก เกิดขึ้นแล้ว หลังจากที่ทันตแพทย์วางแผนวิธีการรักษาร่วมกับผู้ป่วยแล้ว หุ่นยนต์หุ่นยนต์อัตโนมัติที่ควบคุมด้วย AI ก็จะเข้ามาทำหน้าที่แทน นี่เป็นไอเดียของบริษัท Perceptive ในอังกฤษ ที่พัฒนาหุ่นยนต์ทำฟันขึ้นเป็นครั้งแรก โดยหุ่นยนต์จะช่วยลดระยะเวลาทำฟันได้อย่างน่าสนใจ อย่างการครอบฟัน ที่ปกติจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งแต่เตรียมฟัน เคาะฟัน จนถึงเสร็จสิ้นกระบวนการ แต่หุ่นยนต์สามารถลดระยะเวลาเหลือเพียง 15 นาที ผู้ป่วยก็ไม่ต้องเหนื่อยล้าจากการอ้าปากกว้างเป็นเวลานาน จนทำให้เข็ดขยาดการทำฟันไปเลย   หุ่นยนต์ทำฟันยังมากับฟังก์ชั่นสแกนช่องปากอย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยี OCT โดยใช้เครื่องสแกนความละเอียดสูง สร้างแบบจำลอง 3 มิติ ของช่องปากได้อย่างรวดเร็ว ได้ครบทุกรายละเอียด ทั้งฟัน เหงือก เส้นประสาทใต้ผิวฟัน แถมยังตรวจจับฟันผุได้อัตโนมัติ แม่นยำประมาณ 90%...

สายหวานต้องชอบ เมื่อทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันสุขภาพ Mount Sinai Health System ในนิวยอร์คซิตี้ ร่วมกับศูนย์วิจัยโรคเบาหวาน City of Hope

ตอนนี้ หุ่นยนต์ยาหรือ PillBots กำลังเข้าสู่การทดสอบใช้งานจริง ซึ่งคนไข้สามารถกลืนหุ่นยนต์ยาแคปซูลนี้ลงในลำไส้

ทีมนักวิจัยจาก University of Maryland ในสหรัฐฯ ทำการทดลองโดยให้ผู้ป่วย COVID-19 จำนวน 44 คนหายใจเข้าเครื่อง Gesundheit II

ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังวิจัยการปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อน (islet transplant) ซึ่งเป็นทางเลือกที่มีแนวโน้มในการรักษาระยะยาวที่ดี

ต้องยอมรับว่า ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังพลิกโฉมวงการเทคโนโลยีอย่างมาก ทำบริษัททั่วโลกต่าง นำ AI ไปใช้อย่างรวดเร็ว รวมถึงในด้านการแพทย์ด้วย

สหรัฐไฟเขียว อนุมัติให้ซัมซุงพัฒนาฟีเจอร์ ตรวจจับการหยุดหายใจขณะหลับ องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) อนุญาตคุณสมบัติการตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับสำหรับ Samsung Galaxy Watch เปิดทางให้อัปเดตซอฟต์แวร์ไปยังแอป Samsung Health Monitor ได้ในไตรมาสสามของปีนี้ ซึ่งจะเปิดใช้งานคุณสมบัตินี้สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา เพื่อตรวจจับการหยุดชะงักของการหายใจที่มักเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของการนอนหลับ ผู้ใช้จะต้องโดยเปิด Samsung Galaxy Watch ไว้และติดตามการนอนหลับติดต่อเป็นระยะเวลา 10 วัน จึงสามารถตรวจสอบระดับออกซิเจนในเลือดของผู้สวมใส่ได้ตลอดทั้งคืนเพื่อดูว่าระดับออกซิเจนลดลงหรือไม่ แม้ว่าแพทย์จะเตือนว่าสมาร์ทวอทช์เป็นเครื่องมือที่ไม่น่าเชื่อถือในการตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับและความผิดปกติด้านสุขภาพอื่นๆ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถหยุดผู้ผลิตอุปกรณ์สวมใส่รายใหญ่อย่าง Apple, Fitbit, Withings และอื่นๆ ในเดือนธันวาคม Bloomberg รายงานว่า Apple กำลังทำฟีเจอร์ติดตามสุขภาพขั้นสูง (รวมถึงภาวะหยุดหายใจขณะหลับและความดันโลหิตสูง) สำหรับ Apple Watch แต่ยังคงไม่ผ่านการรับรอง...