รับมือ AI สหรัฐฯ เปิดหลักสูตรใหม่ อัปเกรดวิทยาการคอม

[เรียนรู้มัน] มีผู้นำในอุตสาหกรรมบางรายคาดการณ์ว่า “AI อาจมาแทนที่วิศวกรซอฟต์แวร์ระดับ Mid-level ในเร็ว ๆ นี้แล้ว” สังเกตได้จากการเติบโตของ Generative AI จนถึงขั้นที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เตรียมทบทวนปรับหลักสูตรวิทยาการคอมฯ ครั้งใหญ่ โดยสอนทั้งพัฒนาซอฟต์แวร์และการรับมือกับ AI ไปพร้อมกัน เพื่อให้รู้ทันเทคโนโลยีดังกล่าวในอนาคต

การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Generative AI บวกกับความสามารถในการเขียนโค้ด ทำให้มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ต้องมีการทบทวนหลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ครั้งใหญ่ ค้นหาทักษะใดจะมีความสำคัญที่สุดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เบื้องต้นอาจมีหลักสูตรแบบผสมผสาน ที่ผนวกทักษะด้านคอมฯ เข้ากับสาขาวิชาอื่น ๆ แทน โดยมีเป้าหมายเพื่อเตรียมนักศึกษา ให้พร้อมสำหรับอนาคตที่ AI จะถูกฝังลึกอยู่ในทุกสาขาอาชีพ

“อนาคตของหลักสูตรวิทยาการคอมฯ มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนจากการสอนเขียนโค้ด ไปเน้นที่การคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking) และการรู้เท่าทัน AI (AI Literacy) แทน”

Mary Lou Maher นักวิทยาการคอมฯ และผู้อำนวยการของ Computing Research Association กล่าวกับทาง The New York Times ทั้งนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญบางรายชี้ด้วยว่า หลักสูตรวิทยาการคอมฯ อาจจะมีลักษณะคล้ายกับสาขาศิลปศาสตร์มากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการคิดเชิงวิพากษ์และทักษะการสื่อสาร ควบคู่ไปกับความเชี่ยวชาญทางเทคนิค ทั้งวิทย์คอมฯ และ AI นั้นเอง

ปัจจุบันมีบริษัทต่าง ๆ นำ AI มาทำงานเขียนโค้ดระดับเริ่มต้นโดยอัตโนมัติมากขึ้น ส่งผลโดยตรงกับตลาดงานเทคโนโลยีในปัจจุบัน ที่ทำให้เกิดการแย่งงานสูงขึ้นแน่นอน เพื่อเป็นการตอบสนอง ทางมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation) จึงเปิดตัวโครงการ Level Up AI ซึ่งนำโดย Computing Research Association ร่วมกับมหาวิทยาลัยนิวเม็กซิโกสเตต มาช่วยรวบรวมนักการศึกษาและนักวิจัยเพื่อกำหนดสาระสำคัญของการศึกษาด้าน AI และแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด

สำหรับแนวทางของหลักสูตรวิทยาการคอมฯ ปรับปรุงใหม่นี้ ก็มีผู้สนับสนุนรายสำคัญอย่าง Carnegie Mellon University มหาวิทยาลัยที่เป็นผู้นำด้านวิทยาการคอมฯ มาอย่างยาวนานด้วย ซึ่งทาง Thomas Cortina ศาสตราจารย์และรองคณบดีฝ่ายหลักสูตรระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัย ก็เห็นด้วยกับหลักสูตรที่ผสมผสานนี้ และต้องการให้นักศึกษามีประสบการณ์ตรงในการใช้เครื่องมือ AI ใหม่ ๆ ด้วย

“ตอนแรกนักศึกษาหลายคนมอง AI เป็นกระสุนวิเศษ สำหรับทำการบ้านโปรแกรมมิง แต่บ่อยครั้งก็พบว่าตนเองไม่เข้าใจโค้ดที่ได้มาจาก AI แม้แต่ครึ่งเดียว”

สตราจารย์ Thomas Cortina กล่าว หลังอนุมัติให้ใช้เครื่องมือ AI ในหลักสูตรเบื้องต้นได้ แต่สุดท้ายก็ทำให้นักศึกษาจำนวนมาก หันมามุ่งเน้นเรียนรู้ที่จะเขียนและดีบักโค้ดด้วยตนเอง

“ใบปริญญาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เคยเป็นเหมือนตั๋วทองคำสู่งานในฝัน แต่ปัจจุบันมันไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว”

Connor Drake นักศึกษาปี 4 จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนากล่าว พร้อมเผยตนเองเคยส่งใบสมัครไปถึง 30 แห่ง จนสุดท้ายก็ได้ฝึกงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ Duke Energy แม้เคยเป็นหัวหน้าชมรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ของมหาวิทยาลัยมาก่อนก็ตาม เช่นเดียวกับเพื่อน ๆ อีกหลายคน ที่กำลังปรับตัวเข้ากับตลาดงานที่ยากลำบากขึ้นเช่นกัน เรียกได้ว่า AI ทำให้การหางานกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้น แม้จะจบหลักสูตรยอดนิยมก็ตาม

ที่มา : Techspot