จิตแพทย์เตือน E-sport ไม่ใช่กีฬา เป็นเพียงแค่วาทกรรมของบริษัทเกมเท่านั้น

จิตแพทย์เตือน E-sport ไม่ใช่กีฬา แค่วาทกรรมของบริษัทเกมเพื่อจูงใจและส่งเสริมให้คนหันมาเล่นเกมมากขึ้น ชี้ อาจจะส่งผลเสียมากกว่าดี

สืบเนื่องจากการที่การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ให้การรับร้องสมาคมอีสปอร์ตนั่นเท่ากันว่าเป็นการรับรองกีฬาด้วย จึงทำให้เกิดกระแสความห่วงใยเด็กและครอบคัวเป็นกว้าง เพราะได้มีการโฆษณาจากบริษัทเกมที่พยายามจะส่งเสริมการเล่นเกม และทำให้เยาวชนใช้เป็นข้ออ้างต่อพอแม่เพื่อหันมาสนใจเกมมากขึ้น

และปัจจุบัน การจัดว่าอีสปอร์ตเป็นกีฬา WHO ก็ได้ประกาศชัดเจนว่าการเล่นเกมมากไป อาจจะนำเด็กเข้าสู่ภาวะติดเกมได้ ซึ่งอาจทำให้ปัญหาเด็กติตเกมที่กำลังครุกรุ่นอยู่แล้วโหมกระหน่ำแรงขึ้นและกลายเป็นปัญหาของสังคมที่ยากจะแก้ไข

โดยนายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต. ได้ให้เหตุผลชี้แจงว่า 

1. E-sport เป็นเพียงวาทะกรรมของบริษัทเท่านั้น โดยปัจจุบันการแข่งขันเกม คณะกรรมการโอลิมปกสากล ก็ยังไม่รองรับว่าเป็น Sport ด้วย 3 เหตุผลคือ การแข่งขันนั้นมีเนื้อหารุนแรง ขาดระบบ Sanction Body ที่คอยควบคุมนักกีฬา เช่น จะต้องไม่มีการโกงอายุ การแข่งขันกีฬาต้องเป็นสาธารณะ แต่เกมทุกเกมยังมีลิขสิทธิ์

2.คนเล่น เป็นนักกีฬาไม่ได้ทุกคน ปัจจุบันในสหรับอเมริกา มีคนเล่น ROV จำนวน 60 ล้านคน แต่มีผู้เล่นที่มีรายได้ประจำเพียงแค่ 57 คนเท่านั้น (อัตราเทียบคือ 1 :1,000,0000) ซึ่งส่งผลเสียต่อครอบครัวและสมรรถนะในการประกอบอาชีพ

3.กว่าจะได้เป็นมืออาชีพ คนเหล่านี้ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพ สมาธิสั้น เสียการพัฒนา โดย WHO จึงประกาศให้ Game Disorder หรือโรคติดเกม เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง

4.การรับรองโดยสมาคม โดยในต่างประเทศเป็นการรับรองว่าเป็นสมาคมตัวแทน แต่กับประเทศไทย ได้รับรองว่าเป็นกีฬาโดยตรง ทำให้บริษัทและสมาคมสามารถขยายการโฆษณาได้อย่างไรขีดจำกัด

5.ผลคือการโฆษณาอย่างบ้าคลั่งทำให้เด็กติดเกมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีปัญหาด้านพฤติกรรมก้าวร้าว ละทิ้งการเรียน การโกหก ลักขโมย รวมไปถึงไปภาวะซึมเศร้า และเพียงแค่ประกาศรับรองได้เพียง 6 เดือนก็ทำให้เด็กมีภาวะติดเกมเพิ่มขึ้นกว่า 100% เพราะได้มีการจัดแข่งขันกันในโรงเรียนโดยอ้างว่าเป็นกีฬา

ทั้งนี้  นายแพทย์ยงยุทธ ได้ได้ส่งหนังสือเปิดผนึกไปยัง กกท. เพื่อทบทวนถึงการรองรับสถานะของกีฬาโดยชี้ว่ารัฐจะต้องยื่นมือเข้ามาจัดการเหมือนหลายประเทศที่ดำเนินการอยู่ คือ 1.ออกกฎหมายห้ามนำมาแข่งขันในโรงเรียน 2.ลงทะเบียนการแข่งด้วยบัตรประชาชนเพื่อควบคุมอายุ และ 3.เกมต้องหยุดเมื่อแข่งขันครบ 2 ชั่วโมงเพื่อให้ผู้เล่นได้ Relax เป็นต้น

แล้วเพื่อน ๆ ละคิดว่ายังไง สำหรับแอด แอดเป็นคนหนึ่งที่เล่นเกมนะ แต่ไม่ถึงกับติด แล้วก็ไม่ได้คิดจะไปแข่งขันกับใคร… (อายุเกินละมั้ง ฮ่าๆ )  แต่เล่นเพราะการได้สนุกกับเพื่อน แอดว่าเราควรแบ่งแยก เล่นเพื่อติด เล่นเพื่อแข่งขัน หรือเล่นเพื่อสังคมเพื่อน.มันก็แล้วแต่เหตุผลของแต่ละคนล่ะนะ….

ที่มา Facebook นายแพทยงยุทธ