ฟูจิตสึเผยกรณีศึกษาการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันโดยใช้ AI กับข้อมูลบิ๊กดาต้า

สุขภาพของประชากรผู้สูงวัยจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆการได้ติดต่อกับท่านเหล่านั้นและการแชร์ข้อมูล

ทำให้เราสามารถติดตามความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ ต้องยกประโยชน์ให้กับระบบที่ใช้ AI ซึ่งติดตั้งขึ้นจากการสนับสนุนของฟูจิตสึ ทำให้ศาลาว่าการเมืองอิวากิสามารถระบุประชากรสูงวัยผู้มีความเสี่ยง เพื่อช่วยในการคาดการณ์และจัดการเกี่ยวกับระดับการรักษาพยาบาลในอนาคตได้

Mr. Ryo Igari Head of Nursing Care Certification, Nursing-Care Insurance Section, Iwaki City Hall Editor of igoku – the Iwaki Regional Comprehensive Care web-based magazine กล่าว

ปัญหาที่พบ ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพของประชากรสูงอายุ เมืองอิวากิ จังหวัดฟุกุชิมะได้จัดตั้งโครงการเชิงรุกเพื่อให้บริการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันโครงการเหล่านี้ใช้ข้อมูลพลเมืองจำนวนมากเพื่อระบุผู้ที่มีแนวโน้มที่จะต้องได้รับการดูแลในระดับที่เปลี่ยนไปทั้งนี้เพื่อให้พวกเขาได้รับการดูแลตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น

โซลูชันระบบที่สามารถรวบรวมข้อมูลจำนวนมากที่ทางศาลาว่าการเมืองอิวากิได้เก็บไว้ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับผู้อยู่อาศัยและผู้ป่วยที่ได้รับการรับรอง ข้อมูลเกี่ยวกับความพิการและผลการวินิจฉัยเฉพาะ จากนั้นใช้ระบบ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล สืบค้น และระบุรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงซึ่งคาดว่าจะต้องได้รับการดูแลในอนาคตอันใกล้

ประโยชน์ช่วยให้สามารถระบุถึงผู้ที่มีความเสี่ยงสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีข้อจำกัดด้านเวลาและทรัพยากรช่วยเหลือหน่วยงานพยาบาลโดยให้การสนับสนุนข้อมูลประวัติผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนด้านประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นโดยการยืดอายุขัยการมีสุขภาพดีของประชากรให้นานขึ้น

เมืองอิวากิ

เมืองอิวากิตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งอยู่ทางเหนือของโตเกียว มีประชากรประมาณ 340,000 คน ในจำนวนนี้ประมาณหนึ่งในสามเป็นผู้สูงอายุ ค่าใช้จ่ายด้านประกันการรักษาพยาบาลของที่นี่เพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ย 14% ต่อปี แผนกส่งเสริมการดูแลที่ครอบคลุมระดับภูมิภาคแห่งศาลาว่าการอิวากิกำลังดำเนินการเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ชุมชนผ่านสิ่งพิมพ์และเนื้อหาในเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังเป็นกำลังเร่งสร้างระบบเพื่อปกป้องผู้สูงวัยทั่วทั้งภูมิภาค เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ลองใช้บริการด้านการดูแลสุขภาพและเข้าร่วมกิจกรรมที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ

การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันคือเส้นทางสู่อนาคตของประเทศญี่ปุ่น

อัตราการเกิดที่น้อยลงและประชากรสูงอายุเป็นปัญหาสำคัญสำหรับสังคม ค่าใช้จ่ายในการประกันสุขภาพสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการรับรองยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับเป็นภาระหนักสำหรับรัฐบาลท้องถิ่นในภูมิภาค และการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันคือกุญแจสำคัญในการรับมือกับภาระนี้ได้ดีที่สุดมีการริเริ่มโครงการต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อยืดอายุขัยการมีสุขภาพดีของผู้สูงอายุให้นานที่สุด โดยการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน จัดหาอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและกระตุ้น ให้พวกเขาออกกำลังกาย เมืองอิวากิเองก็มีส่วนร่วมอย่างมากในการส่งเสริม

การดูแลสุขภาพในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมาย Ryo Igari หัวหน้า Nursing Care Certification, Nursing-Care Insurance Section, Iwaki City Hall ซึ่งส่งเสริมการดูแลสุขภาพในภูมิภาคอย่างครอบคลุมกล่าวว่า “ศาลาว่าการใช้วิธีให้ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งหมายความว่าฝ่ายบริหารตระหนักถึงความจำเป็นในการดูแลเมื่อมีการสมัครเข้ามาเท่านั้น ในบรรดาผู้สูงอายุจำนวนมากที่ไม่ได้รับการรับรองให้เป็นผู้ป่วยในความดูแลในขณะนี้ เราจำเป็นต้องระบุบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งมีแนวโน้มที่จะได้รับการพยาบาลในระดับที่แย่ลงอย่างรวดเร็วในอนาคต และผู้ที่อาจจะได้รับประโยชน์จากการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน จากนั้นเราต้องเข้าหาและให้พวกเขามีส่วนร่วมตั้งแต่เนิ่นๆ” นักสวัสดิการสังคมดำเนินโครงการเพื่อดูแลผู้สูงอายุ แต่พวกเขามีเวลาและความพร้อมที่จำกัด และไม่สามารถติดต่อกับผู้อยู่อาศัยทั้งหมดได้ มีชาวเมืองอิวากิมากกว่า 50,000 คนที่จัดว่าเป็นผู้สูงอายุ เห็นได้ชัดว่ามีความจำเป็นอย่างชัดเจนในการค้นหาวิธีที่จะระบุตัวบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงอย่างมีประสิทธิภาพ

แนวทางที่มีประสิทธิภาพโดยใช้ข้อมูล

แรกทีเดียว ในปี 2017 Ryo Igari คิดที่จะใช้ข้อมูลระบบประกันการดูแลสุขภาพ อย่างไรก็ตามเมื่อตระหนักว่าการระบุผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงจากข้อมูลเพียงอย่างเดียวนั้นเป็นเรื่องยาก เขาจึงพิจารณาใช้ข้อมูลอื่นๆ ที่จัดเก็บโดยศาลาว่าการเช่นข้อมูลผู้อยู่อาศัยข้อมูลผู้ป่วยที่ได้รับการรับรอง ข้อมูลเกี่ยวกับความพิการและผลการวินิจฉัยเฉพาะในการทำเช่นนี้เขาจำเป็นต้องเอาชนะอุปสรรคของการทำงานระหว่างหน่วยงาน Ryo Igari กล่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ เราใช้เวลาถึง 9 เดือนในการพูดคุยเกี่ยวกับวิธีหลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมก่อนที่จะดำเนินการต่อไปแต่ในที่สุดเราก็สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของผู้อาวุโสประมาณ 97,000 คนและสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาที่อาศัยอยู่ภายใต้หลังคาเรือนเดียวกัน” Ryo Igari จึงติดต่อมาที่ฟูจิตสึผู้พัฒนาระบบประกันสุขภาพของเมืองอิวากิ และเริ่มระบุกลุ่มคนที่อยู่ในเป้าหมายสำหรับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ในปี 2018 ขั้นแรกคือ

รวบรวมรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง 298 ราย ซึ่งจัดทำขึ้นโดยเจ้าหน้าที่จากเมืองอิวากิเมืองอิวากิตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งอยู่ทางเหนือของโตเกียว มีประชากรประมาณ 340,000 คน ในจำนวนนี้ประมาณหนึ่งในสามเป็นผู้สูงอายุ ค่าใช้จ่ายด้านประกันการรักษาพยาบาลของที่นี่เพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ย 14% ต่อปี แผนกส่ง

เสริมการดูแลที่ครอบคลุมระดับภูมิภาคแห่งศาลาว่าการอิวากิกำลังดำเนินการเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ชุมชนผ่านสิ่งพิมพ์และเนื้อหาในเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังเป็นกำลังเร่งสร้างระบบเพื่อปกป้องผู้สูงวัยทั่วทั้งภูมิภาค เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ลองใช้บริการด้านการดูแลสุขภาพและเข้าร่วมกิจกรรมที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ

สินค้าและบริการ โซลูชันการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันศาลาว่าการ ซึ่งใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาและข้อสมมติฐานบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับอายุรายได้ต่อปี และการที่ผู้สมัครมีความพิการอย่างใดอย่างหนึ่งร่วมด้วยหรือไม่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยแต่ละคนและทำการสัมภาษณ์ ผลการสัมภาษณ์ยืนยันว่ามีผู้ให้สัมภาษณ์กว่า 80% เท่านั้นที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่งจากนั้นก็เริ่มใช้ระบบ AI ในปี 2019 ซึ่งใช้ผลลัพธ์จากตัวอย่างของปี 2018 ในแง่ของประเภทของเงื่อนไขที่ใช้กับผู้ป่วยที่ได้รับการรับรองให้เป็นผู้ป่วยในความดูแลในช่วงเวลาสั้นๆ ผลที่ได้คือ ระบบ AI สามารถระบุบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงได้ 230 คน โดยสถานการณ์ของพวกเขาได้รับการยืนยันจากการเยี่ยมของแพทย์

การขยายความคิดริเริ่มนี้เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทั่วประเทศ

สภาพร่างกายของผู้สูงอายุมักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ สิ่งสำคัญคือต้องมีกลไกในการติดต่อกับพวกเขา เพราะแนวทางและการสนับสนุนที่เหมาะสมจะสามารถลดความจำเป็นในการดูแลพยาบาลในภายหลังได้ การให้คำแนะนำและการสนับสนุนก่อนที่ผู้ป่วยจะเข้าสู่ขั้นวิกฤตยังสามารถช่วยให้พวกเขาฟื้นฟูสุขภาพได้ “อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติการติดต่อกับทุกคนนั้นเป็นเรื่องยากมากเนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาและจำนวนเจ้าหน้าที่ นี่คือเหตุผลที่เราต้องการระบบในการกรองและเน้นกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง”

Ryo Igari กล่าว เขาอยากเห็นการริเริ่มในปัจจุบันก่อให้เกิดผลประโยชน์ที่ขยายวงกว้างมากขึ้นทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจเป้าหมายการพัฒนาต่อไปของเขาคือการใช้ไอทีเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้นเจ้าหน้าที่ที่ไปเยี่ยมบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงจะบันทึกผลการเยี่ยมของพวกเขาในระบบเมื่อพวกเขากลับไปที่ศาลาว่าการ หากพวกเขาสามารถป้อนข้อมูลที่พบเห็นในระหว่างการเยี่ยม โดยใช้อุปกรณ์พกพาเช่นแท็บเล็ตพีซี เวลาที่ใช้ในการป้อนข้อมูลอาจรวมอยู่ในเวลาออกเยี่ยมจริง“งานด้านสวัสดิการสังคมเกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุและคนอื่นๆ อีกมากมาย การปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจส่งผลกระทบที่สำคัญได้ หากเราสามารถเพิ่มจำนวนหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นที่รับเอาแนวคิดที่คล้ายกันมาใช้ ผมก็คิดว่าเราจะมีอนาคตที่สดใสสำหรับญี่ปุ่นได้” Ryo Igari กล่าวสรุป