แก้ปัญหาไรเดอร์ เปิดลงทะเบียนออนไลน์ ปลดล็อกกฎหมายรถรับจ้าง

[มาตรการเร่งด่วน] หลังได้รับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มไรเดอร์และไดรเวอร์เพียง 7 วัน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) นำโดยรัฐมนตรี ‘ไชยชนก ชิดชอบ’ ก็ได้ตั้งโต๊ะแถลงมาตรการเร่งด่วนเพื่อ “ปลดล็อก” ปัญหาคอขวดจากกฎหมาย รย.17 และ รย.18 ที่ส่งผลกระทบต่อคนขับกว่า 2 แสนคน โดยหัวใจของการแก้ปัญหาครั้งนี้ คือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาทลายกำแพงเอกสารและข้อจำกัดเดิมๆ พร้อมอัดฉีดเงินสนับสนุนสูงสุดถึง 20,000 บาทต่อคน สนองนโยบาย “Quick Big Win” ที่มาเร็วเคลมเร็ว

นับเป็น “ปัญหา” ที่คาราคาซังมานาน สำหรับผู้ที่เป็นไรเดอร์หรือไดรเวอร์ ในแพลตฟอร์ม Grab , LINE MAN , Bolt และอีกมากมาย ที่วิ่งในระบบแท้ ๆ แต่เหมือน ‘วิ่งเถื่อน’ เฉย และยังไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร ทั้งเรื่องรถติดไฟแนนซ์ ค่าประกันภัยที่สูง และข้อจำกัดทางเทคนิคต่าง ๆ มากมาย จนตัวแทนไรเดอร์-ไดรเวอร์ ต้องส่งหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานรัฐให้เร่งแก้ไขด่วน

“กระทรวงฯ รับทราบถึงข้อกังวลและอุปสรรคหน้างาน”

นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) เผย “ประกาศเรื่องรถรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (รย.17 และ รย.18) ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ขับขี่กว่า 200,000 รายที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงฯ รับทราบถึงข้อกังวลและอุปสรรคหน้างาน”

ทั้งนี้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี เผยได้รับหนังสือร้องเรียนจากกลุุ่มไรเดอร์-ไดรเวอร์แล้ว ทางกระทรวงดีอีจึงไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งหารือกับกรมการขนส่งทางบก , ETDA สถาบันการเงิน และภาคเอกชน จนได้แนวทางแก้ไขปัญหาเร่งด่วน 5 มาตรการ เพื่อช่วยปลดล็อกผู้ประกอบอาชีพขับรถรับจ้างผ่านแอปฯ ให้สามารถเข้าสู่ระบบได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรม โดยมีกรอบเวลาระหว่าง 17 พ.ย. 68 – 28 ก.พ. 69 ตามนี้

5 มาตรการเร่งด่วน ปลดล็อกไรเดอร์-ไดรเวอร์

1. [The Tech] เปิดระบบลงทะเบียนออนไลน์ (The Digital Gateway) หัวใจของงานนี้คือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาแก้ปัญหาคอขวด โดย ETDA ได้เปิดช่องทางออนไลน์ให้ไรเดอร์และไดรเวอร์ลงทะเบียนแสดงเจตจำนงผ่านเว็บไซต์ https://driververify.mdes.go.th (ล็อกอินผ่าน Thai ID)

ออก QR Code ชั่วคราว: เมื่อแพลตฟอร์ม (เช่น Grab, LINE MAN) ยืนยันข้อมูล ระบบจะออก “ใบรับแจ้งลงทะเบียน” (QR Code) ให้ทันที เพื่อใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ว่า “กำลังอยู่ในกระบวนการ”

กำหนดเส้นตาย: ผู้ขับขี่มีเวลาดำเนินการจดทะเบียนเป็นรถสาธารณะและทำใบขับขี่สาธารณะกับกรมการขนส่งทางบกให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 28 ก.พ. 69

2. [Financial] ทลายกำแพงไฟแนนซ์-ลีสซิ่ง-ประกันภัย แก้ปัญหาที่คนขับเจอมากที่สุด:

รถติดไฟแนนซ์: ไม่ต้องใช้เล่มจริง! สามารถใช้ “สำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถ” ยื่นจดทะเบียนได้ชั่วคราว

ลดค่าธรรมเนียมลีสซิ่ง: เจรจาลดค่าธรรมเนียมเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อ (ttb นำร่อง) เหลือ 0.25% ต่อปี (จากเดิม 1% ของยอดคงเหลือ)

ลดค่าประกัน: ไม่บังคับประกันชั้น 1 สามารถใช้ “ประกันภัยเชิงพาณิชย์ชั้น 3” ได้ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย

3. [Legal] ปลดล็อกกฎหมาย-เร่งสปีดคมนาคม

เร่งอนุมัติ: คณะอนุกรรมการฯ ประจำจังหวัด จะประชุมพิจารณาการจดทะเบียน “ทุกสัปดาห์” (จากเดิมที่ประชุมเดือนละครั้ง)

ขยายซีซี จยย.: ให้นโยบายศึกษาแก้กฎหมาย เพิ่มขนาดเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์สาธารณะ จากเดิมที่ล็อกไว้ไม่เกิน 125 ซีซี ให้สอดคล้องกับรถในปัจจุบัน (คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน)

4. [New Rules] ไฟเขียวนำ ‘รถเช่า’ มาวิ่งให้บริการได้ กระทรวงคมนาคมเห็นชอบในหลักการแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวง เพื่อเปิดทางให้สามารถนำรถเช่ามาให้บริการสาธารณะผ่านแอปฯ ได้

5. [Cash Support] อัดฉีดเงินสนับสนุนพิเศษ! กระทรวงดีอีได้ประสานงานกับแพลตฟอร์มผู้ให้บริการ (นำโดย Grab และ LINE MAN) เพื่อมอบเงินสนับสนุนพิเศษเป็นกำลังใจให้คนขับในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ โดยจะได้รับเงินสนับสนุนตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาทต่อคน

นายไชยชนก กล่าวทิ้งท้ายว่า มาตรการช่วยเหลือนี้มาพร้อมกับการกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้น หากพบผู้ให้บริการแพลตฟอร์มรายใดปล่อยปละละเลยให้รถที่ผิดกฎหมายมาวิ่งให้บริการ กระทรวงดีอีพร้อมดำเนินการทันที

“เป้าหมายของเราชัดเจนคือการคุ้มครองแรงงานดิจิทัลให้มั่นคง ควบคุมแพลตฟอร์มให้โปร่งใส และดูแลผู้ใช้บริการให้ได้รับความเป็นธรรม”

การเคลื่อนไหว “Quick Big Win” ของกระทรวงดีอีครั้งนี้ ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (ผ่านระบบลงทะเบียนออนไลน์) เข้ามาแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่คาราคาซังมานานได้อย่างตรงจุด โดยไม่ได้แก้แค่ตัวบทกฎหมาย แต่ยังเข้าไปจัดการปัญหา “หน้างาน” จริง ๆ ทั้งเรื่องไฟแนนซ์และค่าใช้จ่าย ซึ่งช่วยลดแรงกระแทกให้ไรเดอร์กว่า 2 แสนคนได้อย่างทันท่วงที ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนไปยังแพลตฟอร์มผู้ให้บริการว่า “ยุคผ่อนปรน” ได้จบลงแล้ว และทุกคนต้องเข้ามาอยู่ในระบบที่ถูกต้องและเป็นธรรม

ที่มา : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES)