พลิกโฉมวงการ หุ่นยนต์คลังสินค้า ช่วยลดการบาดเจ็บของพนักงาน

หุ่นยนต์คลังสินค้า

โลกของ โลจิสติกส์อัจฉริยะ กำลังก้าวไปอีกขั้น เมื่อระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะการนำ หุ่นยนต์คลังสินค้า มาทำงานแทนมนุษย์ในส่วนงานที่หนักและเสี่ยงที่สุดอย่างการขนถ่ายสินค้าขึ้นและลงจากรถบรรทุก

บริษัทชั้นนำอย่าง DHL, FedEx, และ Walmart ต่างทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อพัฒนานวัตกรรมนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังเปลี่ยนบทบาทของพนักงานไปสู่การทำงานที่ต้องใช้ทักษะสูงขึ้นและปลอดภัยกว่าเดิม

ในอดีต การขนถ่ายสินค้าเป็นงานที่ใช้แรงงานคนเป็นหลักและมีความเสี่ยงสูงต่อการบาดเจ็บ แต่ปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ในคลังสินค้า และเซ็นเซอร์อัจฉริยะทำให้หุ่นยนต์ขนถ่ายสินค้า กลายเป็นคำตอบของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำเหล่านี้ ต่างพัฒนานวัตกรรมที่น่าสนใจเพื่อตอบโจทย์ระบบอัตโนมัติในโลจิสติกส์เช่น

– Ambi Robotics กับหุ่นยนต์ AmbiStack ที่ใช้ AI เรียนรู้และจัดเรียงกล่องพัสดุได้เองแบบเรียลไทม์ ทำให้การจัดวางมีความหนาแน่นและมั่นคงสูงสุด

– Boston Dynamics ผู้พัฒนาหุ่นยนต์ Stretch ที่มีแขนกลทรงพลัง สามารถเคลื่อนที่เข้าไปขนของออกจากตู้คอนเทนเนอร์ได้อย่างอิสระและรวดเร็ว

– FedEx ที่กำลังทดลองใช้หุ่นยนต์ DexR จาก Dexterity AI ซึ่งมีสองแขนและใช้ AI วางแผนสร้างกำแพงกล่องได้อย่างสมบูรณ์แบบในเวลาไม่กี่วินาที

– Walmart นำรถโฟล์คลิฟท์อัตโนมัติ หรือ FoxBot มาใช้งานจริง เพื่อเคลื่อนย้ายพาเลทสินค้าจำนวนมากได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

การมาถึงของ Warehouse Automation ไม่ได้หมายถึงการลดจำนวนคนนะครับ แต่เป็นการยกระดับพนักงานเดิมให้เปลี่ยนบทบาทไปเป็นผู้ควบคุมดูแลหุ่นยนต์ หรือช่างเทคนิค ซึ่งเป็นตำแหน่งงานที่ต้องการทักษะเฉพาะทางและสร้างคุณค่าได้มากกว่า

แม้จะยังมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่ทิศทางของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลกกำลังมุ่งสู่การใช้ หุ่นยนต์ในคลังสินค้า เพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งในด้านธุรกิจและคุณภาพชีวิตของพนักงาน

ที่มา

techspot