[ฝ่าพายุ AI] เหมือนเป็นการยอมรับแบบกลาย ๆ ว่า “ฟองสบู่ AI มีจริง” หลัง Sundar Pichai ซีอีโอ Alphabet (บริษัทแม่ Google) เผยไม่กลัวความผันผวนของ AI บริษัทเตรียมความพร้อมอย่างดี และยืนยันว่า AI จะอยู่ยั้งยืนยง แม้ตลาดจะพังก็ตาม
กระแสคำว่า “ฟองสบู่ AI” ยังคงวนเวียนในวงการเทคโนโลยีอยู่ ล่าสุดทางบิ๊กเทคอย่าง Google ก็ประกาศเลยว่าไม่กลัว หากตลาด AI จะพังจริง ๆ ซึ่งทางบริษัทได้เตรียมไว้แล้ว จากคำสัมภาษณ์ของ Sundar Pichai กับทางสื่อ BBC เมื่อเร็ว ๆ นี้
“มีสัญญาณชัดเจนว่าตลาด AI กำลังประสบกับความตื่นเต้นที่มากเกินไป”
Sundar Pichai กล่าวถึงสถานการณ์ AI ในปัจจุบันว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดา และมองด้วยว่าการลงทุน AI บางส่วน ถูกขับเคลื่อนด้วย “กระแส” มากกว่าปัจจัยพื้นฐานซะอีก โดยมีองค์ประกอบของความไม่สมเหตุสมผลของนักลงทุน ซึ่งเป็นมุมมองที่สอดคล้องกับ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ที่เคยพูดไว้เมื่อเดือนสิงหาคมด้วย
ทั้งนี้ทาง Sundar Pichai ยังได้เปรียบเทียบกับ “อินเทอร์เน็ต” ว่าครั้งหนึ่งก็เคยมีการลงทุนจนมีส่วนเกินมากเหมือนกัน และยังเคยเกิดเหตุการณ์ “ฟองสบู่ดอทคอม” มาแล้วด้วย แต่สุดท้ายก็ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เปลี่ยนรูปแบบการทำงานและการโต้ตอบทางดิจิทัลของผู้คนไปตลอดกาล เชื่อว่า AI ก็อาจเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งจะมีทั้ง ‘เหตุผล’ และ ‘ไร้เหตุผล’ ผสมอยู่ด้วยกัน ในช่วงเวลาเช่นนี้เอง
สุดท้ายซีอีโอ Sundar Pichai ก็ยอมรับว่า “การล้มครืนของตลาดจะส่งผลกระทบต่อทุกบริษัทในอุตสาหกรรม รวมถึง Google ด้วย”
อย่างไรก็ตาม Google หรือ Alphabet มีแนวทางสมฐานะบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เผยบริษัทได้ครอบคลุมตั้งแต่ ชิป AI ที่ผลิตเอง แพลตฟอร์มข้อมูลอย่าง YouTube และโมเดลที่เป็นกรรมสิทธิ์ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นกันชนป้องกันความผันผวนของตลาด AI นี้เอง
เช่นเดียวกับ Sam Altman ทาง Sundar Pichai เชื่อว่า Google จะผ่านพ้นวิกฤต AI ที่นักวิเคราะห์บอกว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้นี้ไปได้ โดยอยู่ในตำแหน่งที่จะรับแรงกระแทกได้ดีกว่า บริษัทที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีภายนอกหรือพันธมิตร
เพื่อพิสูจน์ว่า Google มั่นใจ Sundar Pichai เผยบริษัทมีแผนขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ครั้งสำคัญ ในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) โดยทุ่มเงินถึง 5 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 2 แสนล้านบาทในช่วง 2 ปี พร้อมวางแผนเทรนโมเดล AI ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับความทะเยอทะยานของรัฐบาลอังกฤษ ที่หวังสร้างประเทศให้เป็นศูนย์กลาง AI ชั้นนำ
ท้ายนี้ Sundar Pichai มองว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI ยังมีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า AI ใช้ไฟฟ้าไป 1.5% ของไฟฟ้าทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสร้างความตึงเครียดให้กับระบบพลังงาน ฉะนั้นทาง Alphabet จะเร่งบรรลุเป้าหมาย “Net Zero” ภายในปี 2030 ให้ได้ โดยผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานใหม่ในอนาคต
ที่มา : Techspot








