มหาสมุทรคือหัวใจสำคัญในการควบคุมสภาพอากาศโลก แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่โตมหาศาล ทำให้การสำรวจเพื่อเก็บข้อมูลนั้นทำได้ยาก และมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
ล่าสุดนักวิจัยได้ปิ๊งไอเดียสุดล้ำในการใช้เทคโนโลยีไบโอไฮบริด ซึ่งเป็นการผสมผสานสิ่งมีชีวิตเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อสร้างแมงกะพรุนไซบอร์กขึ้นมาสำหรับภารกิจสำรวจทะเลลึก และเก็บข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่นับวันจะยิ่งรุนแรงขึ้น
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคโลราโดโบลเดอร์ได้พัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดจิ๋วที่สามารถควบคุมทิศทางการว่ายของแมงกะพรุนได้ โดยหลักการทำงานคือ อุปกรณ์นี้ทำงานคล้ายเครื่องกระตุ้นหัวใจ โดยจะส่งสัญญาณไฟฟ้าไปกระตุ้นกล้ามเนื้อของแมงกะพรุน ทำให้มันว่ายน้ำได้เร็วและตรงทิศทางที่ต้องการ
เป้าหมายในอนาคตทีมวิจัยวางแผนที่จะติดตั้งเซ็นเซอร์ขนาดเล็กเข้าไปด้วย เพื่อให้แมงกะพรุนไซบอร์ก สามารถตรวจสอบมหาสมุทรได้แบบเรียลไทม์ ทั้งการวัดอุณหภูมิน้ำทะเล และ ค่าความเป็นกรด ซึ่งเป็นสองปัจจัยหลักที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาวะโลกร้อน
นักวิจัยเลือกใช้ แมงกะพรุนพระจันทร์ สำหรับโครงการนี้ เพราะพวกมันมีคุณสมบัติที่เหมาะสมอย่างยิ่งคือ
1.เป็นสัตว์ที่ใช้พลังงานในการเคลื่อนที่น้อยมาก ทำให้ประหยัดพลังงาน
2.สามารถพบได้ทั่วโลก โดยอาศัยอยู่ได้ในมหาสมุทรทั่วโลก ตั้งแต่ชายฝั่งไปจนถึงร่องลึกก้นมหาสมุทรอย่างมาเรียนาที่ลึกนับหมื่นฟุต
3.เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะการใช้แมงกะพรุนช่วยลดการใช้หุ่นยนต์สำรวจที่อาจสร้างมลพิษหรือขยะในทะเล
แล้วมันจะโหดร้ายกับน้องไหม
ต้องยอมรัว่า ประเด็นด้านจริยธรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วการทดลองในสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจะถูกมองว่ามีข้อกังวลน้อยกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ทีมวิจัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ
จากการทดลองที่ผ่านมา พบว่าแมงกะพรุนที่ติดตั้งอุปกรณ์ ไม่มีสัญญาณของความเครียดเลยเช่น ไม่มีการปล่อยเมือกออกมามากกว่าปกติ และยังคงสืบพันธุ์ได้ตามปกติ ทั้งนี้เป็นเพราะแมงกะพรุนไม่มีสมองและตัวรับความเจ็บปวดเหมือนสัตว์ชั้นสูงอื่นๆ สรุปได้ว่าแมงกะพรุนไซบอร์กถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าจับตา ซึ่งอาจกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้มนุษย์เข้าใจผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่มีต่อมหาสมุทรได้ดีขึ้น
ที่มา