ผู้ใช้งาน Windows โดยเฉพาะกลุ่ม Power User ต่างไม่พอใจ หลังจาก Microsoft ทยอยปล่อยอัปเดตใหม่ที่บังคับอัปเดตแอปอัตโนมัติ ผ่าน Microsoft Store โดยถอดเมนูสำหรับปิดฟีเจอร์นี้ออกไปอย่างถาวร
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับการอัปเดตแอปใน Microsoft Store?
จากเดิมที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปตั้งค่าใน Microsoft Store เพื่อเปิดหรือปิดการอัปเดตแอปอัตโนมัติได้ตามต้องการ แต่ล่าสุดมีรายงานจากเว็บไซต์ Deskmodder.de ว่า Microsoft ได้นำปุ่มตัวเลือกนี้ออกไปแล้ว
สิ่งที่ผู้ใช้ทำได้ตอนนี้มีเพียงการหยุดพักการอัปเดตชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งสามารถเลื่อนได้นานสุดเพียง 1-5 สัปดาห์ เมื่อครบกำหนด แอปทั้งหมดก็จะถูกบังคับให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดโดยอัตโนมัติเหมือนเดิม
มีวิธีแก้หรือทางเลี่ยงหรือไม่?
สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ใช้ Windows 10/11 Home ต้องบอกว่า ไม่มีวิธีง่ายๆ ในการปิดการอัปเดตนี้อีกต่อไป เพราะวิธีเดิมๆ อย่างการแก้ไขผ่าน Registry ก็ถูก Microsoft ปิดกั้นไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ใช้งาน Windows รุ่น Pro, Enterprise หรือ Education ยังมีทางออกอยู่ โดยสามารถเข้าไปปิดการอัปเดตผ่านเครื่องมือที่ชื่อว่า Group Policy Editor (gpedit.msc) ได้ ซึ่งเป็นเครื่องมือระดับสูงที่ไม่มีใน Windows รุ่น Home
ทำไม Microsoft ถึงบังคับอัปเดต?
เหตุผลหลักที่ Microsoft ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้ คาดว่ามาจากเรื่องของ ความปลอดภัย Windows เป็นสำคัญ โดยอาจจะเพื่อ
1.ลดช่องโหว่ โดยแอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์ที่ไม่อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด มักจะกลายเป็นช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่แฮกเกอร์สามารถใช้โจมตีระบบได้ง่าย
2.การบังคับอัปเดตช่วยให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ และการแก้ไขข้อผิดพลาด (Bug) อยู่เสมอ โดยไม่ต้องจัดการด้วยตนเอง
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะสร้างความรำคาญใจให้กับผู้ใช้ขั้นสูงที่ต้องการควบคุมทุกอย่างในคอมพิวเตอร์ของตนเอง แต่ก็ถือเป็นมาตรการที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานส่วนใหญ่โดยรวม
ในช่วงปี 2024 ที่ผ่านมา Microsoft พยายามพัฒนา Microsoft Store ให้เป็นมากกว่าแค่ที่ดาวน์โหลดแอป โดยได้เพิ่มความสามารถในการอัปเดตโปรแกรมประเภท Win32 (โปรแกรมที่ติดตั้งแบบปกติ) และยังเชื่อมต่อกับระบบ WinGet เพื่อให้นักพัฒนาและผู้ใช้จัดการแอปได้สะดวกขึ้น การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงเป็นอีกก้าวหนึ่งในการทำให้ระบบนิเวศของ Windows มีความปลอดภัยและทันสมัยอยู่เสมอ
ที่มา