[เปลี่ยนมันยาก] ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา Microsoft ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows มาแล้วถึง 15 เวอร์ชัน และตัวล่าสุดอย่าง Windows 11 ก็กำลังมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าหน่วยงานหรือบริษัทบางแห่ง ยังคงใช้งาน Windows รุ่นเก่าอยู่ เช่น Windows XP หรือแม้กระทั่ง MS-DOS เหตุเพราะความเสถียร และมีต้นทุนในการเปลี่ยนที่สูง
รายงานจาก BBC เผยโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ ยังใช้งาน Windows XP อยู่ แม้ทาง Microsoft จะยุติการสนับสนุนไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2019 แล้ว อีกทั้งมีตู้ ATM บางแห่งก็ยังใช้ Windows NT ด้วย แม้เปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 1993 หรือกว่า 30 ปีมาแล้วก็ตาม
สำหรับกรณีของ Windows XP ก็มีข้อได้เปรียบเรื่องเสถียรนั้นเอง ต่อมาคือการเปลี่ยนไปใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นล่าสุดนั้น ทางฝ่ายเทคนิคที่ดูแลตู้ ATM นั้นได้บอกกับทาง BBC เลยว่า “ค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดระบบเหล่านี้ค่อนข้างสูง” เพราะต้องซื้อทั้งฮาร์ดแวร์ใหม่ และเขียนซอฟต์แวร์ใหม่เอง รวมถึงการสร้างข้อกำหนดใหม่ ๆ ตามมาด้วย
ย้อนไปก่อนหน้านี้ ทางการรถไฟในเยอรมัน ก็เคยประกาศรับสมัครผู้ที่มีความรู้ในการใช้งาน MS-DOS และ Windows 3.11 มาแล้ว สืบเนื่องจากระบบรถไฟยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ดังกล่าวอยู่นั้นเอง ส่วนสาเหตุที่ไม่เปลี่ยนหรืออัปเกรดนั้น ก็เป็นแบบเดียวกับตู้ ATM เพราะการเปลี่ยนนั้น ย่อมหมายถึงการสร้างระบบใหม่ทั้งหมด ต้นทุนจึงสูงตามโดยปริยาย
ที่กระทรวงกิจการทหารผ่านศึกของสหรัฐฯ ก็พบระบบที่แพทย์ใช้บันทึกข้อมูลผู้ป่วยที่เรียกว่า Computerized Patient Record System (CPRS) ระบบคอมฯ เก่าที่เปิดตัวในปี 1997 ผ่านแพลตฟอร์ม VistA ซึ่งมี MS-DOS เป็นพื้นฐานนั้นเอง ทั้งนี้ทางจิตแพทย์ของกระทรวงยังบอกด้วยว่า เวลาเปิดเครื่อง CPRS แต่ละครั้ง ต้องใช้เวลามากถึง 15 นาทีกันเลย แม้จะมีการสัญญาว่าจะมีการเปลี่ยนระบบใหม่ แต่กว่าก็แล้วเสร็จ ก็ต้องใช้เวลาถึงปี 2031 ยังคงอีกยาวไกล
ในตอนนี้ทาง Microsoft ได้ผลักดัน Windows 11 อย่างหนัก โดยมีการอัปเดตหรือปรับปรุงให้ช้งานได้เสถียรมากขึ้น และใช้งานง่ายขึ้นด้วย แต่ปัจจุบัน Windows 10 ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดมากสุดที่ 53% กระทั่ง Windows XP ก็ยังมีสัดส่วนผู้ใช้งานอยู่ราว ๆ 0.33% แม้เป็นจำนวนน้อย แต่ก็สะท้อนว่าหลายระบบยังพึ่งพาแพลตฟอร์มเดิม แม้ไม่มีการสนับสนุนแล้วก็ตาม
ที่มา : Techspot