[พี่ใหญ่มองมา] เชื่อว่าร้อยทั้งร้อย หากเจอรถตำรวจวิ่งผ่าน หลาย ๆ คนอาจรู้สึกเกรง หรือบางคนก็กลายเป็นคนดี (?) ขึ้นมาเฉย ๆ แต่จะเป็นอย่างไร หากตำรวจแอบเนียนใช้รถแท็กซี่ไร้คนขับ มาช่วยสอดส่องเหตุด่วนในเมืองแทน
ความส่วนตัวอยู่ไหน ? คำถามนี้ผุดขึ้นทันที หลังมีข่าวว่า LAPD หรือกรมตำรวจลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐฯ ได้นำภาพวิดีโอที่ได้จากกล้องของรถยนต์ไร้คนขับ มาช่วยประกอบสำนวนคดีชนแล้วหนี แต่จุดสังเกตคือ ภาพวิดีโอดังกล่าวมีระบุว่ามาจากทาง Waymo หรือบริการแท็กซี่ไร้คนขับของ Google ที่วิ่งอยู่ทั่วเมืองลอสแอนเจลิส เท่ากับว่าผู้คนในเมืองดังกล่าว กำลังถูกจับตามองอย่างลับ ๆ อยู่ทุกวัน
“เหมือนเป็นกล้องวงจรปิดติดล้อ”
ย้อนกลับไปในปี 2023 ทาง Bloomberg เคยตั้งข้อสังเกตถึงหน่วยงานตำรวจทั้งในซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย และแอริโซนา หลังพบว่ามีการขอภาพวิดีโอจากกล้องติดรถยนต์ Waymo เพื่อใช้เป็นหลักฐาน ซึ่งกล้องที่มาจากรถดังกล่าว ก็มีการบันทึกวิดีโอแบบ 360 องศา ที่ช่วยให้บันทึกภาพรอบตัวรถได้อย่างต่อเนื่อง จนเรียกได้ว่าเป็นกล้องวงจรปิดเคลื่อนที่ได้ยังไงยังงั้น
แน่นอนว่าการบันทึกภาพวิดีโอนี้ ถูกตั้งคำถามด้านจริยธรรมทันที ว่าทั่งฝั่งตำรวจและทาง Waymo เอง มีขอบเขตและการกำกับดูแลการเก็บข้อมูลเหล่านี้อย่างไรบ้าง โดยด้าน Waymo ก็ระบุว่าทางบริษัทยังคงปฏิบัติตามคำร้องทางกฎหมายอย่างระมัดระวัง
จุดนี้เอง ทางโฆษกของ Waymo ได้กล่าวกับทางสื่อ Gizmodo ด้วยว่า บริษัทจะส่งมอบฟุตเทจต่อเมื่อมีหมายค้น หมายเรียก หรือคำสั่งศาลที่ถูกต้องเท่านั้น และฟุตเทจที่ส่งไป ก็จะมีการะตรวจสอบอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าพุ่งเป้าไปเฉพาะสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ ส่วนทางตำรวจก็จะเอาใช้สำหรับทำคดีเท่านั้น
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีเหตุประท้วงหนักในลอสแอนเจลิส ก็มีทางกลุ่มผู้ประท้วงได้เรีบกรถ Waymo ผ่านแอปฯ จากนั้นก็เผาทำลาย สะท้อนถึงความไม่ไวใจ (หรือเพื่อประท้วง) ซึ่งในที่คือไม่ได้กลัวว่ามันจะทำงานผิดพลาด แต่กลัวว่ามันจะทำงานได้ดีเกินไปมากกว่า
ที่มา : Techspot