[ไต้หวันเฟิสต์] ดูเหมือนสหรัฐฯ จะมีความพยายามอย่างแข็งขัน ในการลดภาวะพึ่งพาการผลิตเซมิคอนดักเตอร์จากนอกประเทศ ล่าสุดได้เจรจาขอให้ไต้หวัน ย้ายฐานการผลิตชิปครึ่งหนึ่งไปยังสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันมี TSMC ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้เอง แต่ก็ถูกไต้หวันปฏิเสธข้อเสนอตามคาด
Howard Lutnick รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยมี ‘ข้อเสนอพิเศษ’ กับทางไต้หวัน ในระหว่างการประชุมหารือเกี่ยวกับมาตรา 232 ที่ว่าด้วยกฎหมายอนุญาตให้ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ สามารถกำหนดภาษีนำเข้าหรือจำกัดปริมาณการนำเข้าสินค้าได้
สำหรับมาตราดังกล่าว ก็มีผลกระทบต่อทางไต้หวันตรง ๆ โดยส่งผลต่ออุตสาหกรรมชิปของไต้หวันอย่าง TSMC และจุดนี้ทางสหรัฐฯ ก็ได้เสนอแนวคิด “50-50” ร้องขอให้ไต้หวันย้ายฐานการผลิตชิป 50% ของประเทศไปยังสหรัฐฯ หวังลดการพึ่งพาการผลิตชิปจากต่างประเทศอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ถึง 70% ที่ถูกส่งไปยังสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม Cheng Li-chiun รองนายกรัฐมนตรีไต้หวัน ได้ปฏิเสธข้อเสนอนี้ และไม่มีเจตนาที่จะหารือเพิ่มเติมด้วย ส่วนการหารือเรื่องมาตรา 232 ยังคงดำเนินต่อไป และมีความคืบหน้าบางประการแล้ว
ปัจจุบัน TSMC ถือได้ว่าเป็น Silicon Shield หรือเกราะป้องกันซิลิคอนของไต้หวัน และยังเป็นเครื่องมือต่อรองหลักที่สำคัญกับจีน (ถ้าจีนต่อรองด้วยนะ…) ซึ่งมีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์มานาน แน่ชัดว่าทางไต้หวันจะไม่ยอมสละส่วนใดส่วนหนึ่งของการผลิตชิปไปแน่
ทั้งนี้ทาง TSMC ก็มีการลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิปขั้นสูงในสหรัฐฯ ก่อนแล้ว โดยมีโรงงานที่กำลังก่อสร้างอยู่ 3 แห่ง หลังได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และการลงทุนของ TSMC เองกว่า 1.65 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มา : Techspot
