สำนักงาน กสทช. แถลงข่าวร่วมกับตำรวจไซเบอร์จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังพบเครื่อง Mini Pc เถื่อนกว่า 130 ชิ้น
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า วันนี้ (6 ต.ค. 2568) สำนักงาน กสทช. ร่วมกับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ แถลงข่าวการจับกุมนายหน้า ผู้เช่าชาวจีน และยึดของกลางจำนวนทั้งสิ้น 4 รายการ จำนวน 137 ชิ้น หลังเข้าตรวจค้นภายในอาคารที่พักแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
พบอุปกรณ์เครื่องมินิพีซี (Mini PC) เป็นจำนวนกว่า 130 ชิ้น มีพฤติกรรมเป็นการลักลอบติดตั้งศูนย์ปฎิบัติการต้องสงสัย โดยวางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตั้งเรียงกันบนชั้นวางเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำการดัดแปลงติดตั้งเสาอากาศ สายไฟ และใช้สายแลนในการเชื่อมต่อ เพื่อทำเป็นอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมที่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจำนวนมากพร้อมกัน ที่อาจเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงประชาชนประเภทของการหลอกลวงในแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่น การตั้งระบบคอลเซ็นเตอร์ ใช้สำหรับการหลอกลวงในรูปแบบสแกมเมอร์ หรือเป็นการปล่อยสัญญาณปลอม ดักจับข้อมูลออนไลน์ เพื่อส่งข้อความ SMS หรือ OTP ให้เหยื่อหรือประชาชนกรอกข้อมูลส่วนตัว สำหรับการเจาะระบบ
จากการเข้าตรวจค้นพบว่า เป็นเครื่องวิทยุคมนาคมเถื่อนที่ถูกดัดแปลงอย่างผิดกฎหมาย ไม่ผ่านการตรวจรับรองมาตรฐานจาก สำนักงาน กสทช. และเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ซ. 2498 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 6 และมาตรา 11 ประกอบมาตรา 23 ฐาน มีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งปรับทั้งจำ
“สำหรับการแถลงข่าวการจับกุมและการยึดของกลางในครั้งนี้ โดยสำนักงาน กสทช. ให้ความร่วมมือกับตำรวจไซเบอร์ เพื่อสนับสนุนการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มีรูปแบบใหม่ ๆ เสมอ โดยใช้เครื่อง วิทยุคมนาคมประเภทโทรศัพท์และอุปกรณ์ไวไฟต่าง ๆ ในการวางระบบทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นจำนวนมาก และมีการดัดแปลงอุปกรณ์เครื่องวิทยุคมนาคมเพื่อใช้งาน ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ อยากขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการสั่งซื้อสินค้าในแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่ได้มาตรฐาน และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านค้าก่อนทุกครั้ง เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพสามารถปลอมแปลงยอดไลก์ ยอดแชร์ และคอมเมนท์ปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือได้ จึงไม่อาจตรวจสอบความถูกต้องจากข้อมูลดังกล่าว เพียงด้านเดียว โดยต้องดูรายละเอียดอื่น ๆ ของร้านค้าและราคาสินค้าให้รอบคอบก่อนซื้อสินค้า เพื่อจะได้ไม่ถูกหลอกและสูญเสียเงินให้กับมิจฉาชีพ” นายไตรรัตน์ กล่าว