[ใช้ NPU แทน] หลายคนอาจยังมีคำถามว่า “ชิป NPU เอาไว้ทำอะไร” ล่าสุดทาง Microsoft ได้เปิดวิสัยทัศน์ของ Windows เผยในอีกหลายปีข้างหน้า จะมี AI agents ช่วยควบคุมการใช้งาน PC แทนเมาส์และคีย์บอร์ด โดยมีฟีเจอร์อัจฉริยะที่ประมวลผลผ่านชิป NPU เข้าใจคำขอของผู้ใช้และสั่งงานแทนได้
“60 ปีที่ผ่านมา เรามีวิธีใช้คอมฯ ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย”
Steven Bathiche รองประธานและนักวิจัยด้านเทคนิคจาก Microsoft ได้กล่าวถึงการใช้งาน PC ในปัจจุบัน ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยในตลอด 60 ปีที่ผ่าน ซึ่งหมายถึงเมาส์หรือคีย์บอร์ดนี้เอง แต่ด้วยการมาของ AI Agent หรือเอเจนต์ AI ที่มีอยู่ใน Windows ก็อาจทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนวิธีใช้งาน PC ไปตลอดกาล
สืบเนื่องจาก NPU หรือ Neural Processing Unit ชิปประมวลผลที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI และ Machine Learning โดยเฉพาะ กำลังส่งผลให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมฯ เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง โดยในอนาคตชิป NPU จะไม่ใช่แค่ส่วนเสริม แต่เป็นหัวใจสำคัญหรือรากฐานของยุคใหม่ที่เรียกว่า “ยุคแห่งเอเจนต์ AI”
สำหรับข้อกำหนดของ Copilot+ PC หรือบริการ AI ที่ทรงพลังแต่เข้าถึงได้ง่ายจาก Microsoft ก็ต้องใช้ชิป NPU ที่มีพลังประมวลระดับ 40 TOPS ขึ้นไปในปัจจุบัน จนมากพอที่จะรองรับฟีเจอร์หรือแอปฯ AI ที่มีความซับซ้อน ให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และมีความเป็นส่วนตัวสูงด้วย เนื่องด้วยการใช้ชิป NPU ประมวลผลโดยตรง ไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตหรือส่งประมวลผ่านคลาวด์ (Cloud)
แต่ทั้งนี้ทาง Microsoft ก็มีการอธิบายว่า NPU จะรันโมเดลภาษาขนาดเล็ก (Small Language Model หรือ SLM) บนเครื่อง PC ควบคู่ไปกับ Cloud สำหรับโมเดลภาษาหรือ AI ขนาดใหญ่ (Large Language Model หรือ LLM) สำหรับฟีเจอร์ AI ที่ต้องการพลังประมวลผล AI สูง เช่น แชทบอตสำหรับงานวิจัย ที่ต้องใช้ข้อมูลอัปเดตตลอดเวลา ก็จะเปลี่ยนไปใช้ LLM ช่วยประมวลผลแทน
ในบทความก็ได้เผยตัวอย่างฟีเจอร์ AI ที่ใช้ชิปดังกล่าวช่วย เช่น “Mu” เป็น SLM สำหรับ Windows 11 ที่ดึงพลังประมวลผลจากชิป NPU โดยตรง ช่วยค้นหาไฟล์และรูปภาพได้รวดเร็ว หรือใช้เป็น AI Agent ที่ช่วยปรับการตั้งค่าระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น “เพียงแค่สั่ง” จากปกติต้องไล่เปิดหน้าเมนูตั้งค่าต่าง ๆ ให้วุ่นวาย…..จุดที่เลิกใช้เมาส์ในอนาคตคงอยู่ตรงนี้
ถัดมาคือ Recall ฟีเจอร์ AI ย้อนเวลา หรือดูค้นหาสิ่งที่เคยเปิดหรือทำบน PC ย้อนหลังนี้เอง โดยใช้พลังประมวลผลจาก NPU เช่นกัน แต่มีประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัว จน Microsoft ได้ปรับปรุงให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ถัดมาคือ Click to Do ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำสิ่งที่ต้องการบนหน้าจอได้ทันที และสุดท้ายคือ Microsoft Photos แอปฯ เปิดไฟล์รูปภาพประจำ Windows ก็มีฟีเจอร์ AI ใหม่อย่าง relight ที่ช่วยปรับแต่งภาพแสงน้อยให้ดูสวยงามขึ้น
ทั้งนี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของฟีเจอร์ AI ใน Windows 11 ซึ่งในอนาคตจะมีเพิ่มมากขึ้น ที่ผู้ใช้จะสามารถใช้ประโยชน์จากชิป NPU ได้มากกว่าเดิม และคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย (บทเรียนจาก Recall) ซึ่งก็เป็นปัญหาที่ทาง Microsoft หวังให้ผู้ใช้มีความ “ไว้ใจ” ในฟีเจอร์ AI มากขึ้นนี้เอง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อก้าวข้ามยุคของเมาส์และคีย์บอร์ดที่ยาวนานกว่า 60 ปี ไปสู่อนาคตที่ควบคุมโดยเอเจนต์ AI อัจฉริยะบนอุปกรณ์ PC ของเราทุกคน
ที่มา : NewsMicrosoft