แรงที่สุดในโลก จาก M1 ถึง M5 Series นวัตกรรมที่แท้จริงของ Apple

[พัฒนาด้วยใจ] ก่อนจะมีสุดยอดชิป M-Series ที่มาเปลี่ยนภาพจำของชิป SoC ไปตลอดกาล Apple เคยต้องหวังพึ่งทั้ง Intel และ Nvidia กับ AMD ในการสร้าง MacBook และ Mac Pro ที่รุ่น Top มีราคาหลักแสนมาแล้ว ทว่าท้ายที่สุด Apple ก็เลือกที่จะผลิตชิปประมวลผลเองทั้งหมด จนออกมาเป็น M1 ถึง M5 Series ที่แสดงถึงพัฒนาการของ Apple หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น “นวัตกรรม” ที่แท้จริงของแบรนด์นี้

เชื่อว่ายังมีคนเปรียบเทียบยุคของ Tim Cook และ Steve Jobs ในอดีตอยู่ หรือถึงขั้นมองว่า Apple ไร้นวัตกรรม ไม่ว้าวเหมือนสมัย Steve Jobs เลยก็มี ซึ่งจะจริงไม่จริงก็แล้วแต่มุมมองเลย อย่างไรก็ตาม 10 พ.ย. 2020 วันที่ Apple ได้เปิดตัวชิป M1 รุ่นแรก หลังจากนั้นโลกก็ได้รู้จักกับชิป SoC ที่แรงที่สุดในโลก และเขย่าวงการเทคโนโลยี Silicon จนถึงปัจจุบัน

ชิป SoC หรือ System on a Chip หมายถึงการรวมวงจรและส่วนประมวลผลที่จำเป็น สำหรับคอมฯ หรืออุปกรณ์พกพา เช่น มือถือ และ แท็บเล็ต โดยภายในก็ประกอบด้วย CPU , GPU , RAM และ Modem มารวมไว้ในชิปเดียว (ปัจจุบันก็มีชิป NPU ด้วย) จนทำให้ชิป SoC มีขนาดเล็ก ใช้พลังงานต่ำ จนมีความร้อนน้อยลงด้วย และยังทำให้ต้นทุนการผลิตถูกลงด้วยอีก

สำหรับตัว M1 ชิป Soc รุ่นแรกของ Apple ก็ได้เปลี่ยนให้ MacBook Air ในปี 2020 กลายเป็นแล็ปท็อปบางเบาที่ทรงพลังยิ่งกว่า PC ที่ใช้ชิป Core i9 ของ Intel ในสมัยนั้นซะอีก และยังไม่ต้องใช้ชุดระบายความร้อนใด ๆ เลยด้วย แม้กระทั่งการเสียบสายชาร์จ ที่ไม่ต้องเสียบก็ยังได้ประสิทธิภาพสูง ในที่สุดก็กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของชิปคอมฯ ที่ให้ทั้งความแรงและใช้พลังงานต่ำ กดให้ดันคู่แข่งอย่าง Intel และ AMD ให้ต้องปรับตัวกันใหญ่ อีกทั้งยังผ่านการพิสูจน์คุณภาพจากเหล่านักรีวิวทั่วโลกแล้ว ไม่ใช่เพียงคำพูดบนเวทีเปิดตัวของ Apple เท่านั้น

หลังจากนั้น Apple ก็ได้พัฒนาชิป M1 มาเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็มาถึงรุ่น “M5” ที่ทาง Apple ประเดิมใน MacBook Pro ขนาด 14 นิ้ว (2025) โดยมีตัวเลขประสิทธิภาพที่ต่างจากชิป M1 ใน MacBook Pro ตามนี้

  • ประสิทธิภาพ CPU/GPU เร็วขึ้น 6 เท่า
  • ประสิทธิภาพด้าน AI เร็วขึ้น 6 เท่า
  • ประสิทธิการประมวลผลวิดีโอ AI เร็วขึ้น 7.7 เท่า
  • ประสิทธิการเรนเดอร์ 3D เร็วขึ้น 6.8 เท่า
  • ประสิทธิภาพการเล่นเกมเร็วขึ้น 2.6 เท่า
  • ประสิทธิการคอมไพล์โค้ดเร็วขึ้น 2.1 เท่า

ลองทดสอบความแรงกับ Geekbench ก็ได้ผลตามนี้

  • ‌M1 Single-Core : 2,320 คะแนน
  • M5 Single-Core : 4,263 คะแนน
  • M1 Multi-Core : 8,175 คะแนน
  • M5 Multi-Core : 17,862 คะแนน
  • M1 Metal : 33,041 คะแนน
  • M5 Metal : 75,637 คะแนน

ตัวเลขเหล่านี้บ่งบอกอะไรบ้าง สิ่งหนึ่งที่บอกได้เลยคือ พัฒนาการที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อีกทั้ง Apple ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพด้าน AI และการเล่นเกมด้วยส่วนเสริมต่าง ๆ เช่น Ray tracing และ Neural Engine ที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่เสมอ เรียกได้ว่า Apple ไม่เคยหยุดพัฒนาชิป M Series ของตัวเองเลย และยังมุ่งพัฒนาด้วยใจอย่างแท้จริง จนได้ผลทดสอบประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า…แต่ก็หวังให้ Apple มุ่งไปที่ AI ด้วยก็ดีนะ

ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีชิป Apple Silicon จะยังคงพัฒนาต่อไป TSMC ซัพพลายเออร์ของ Apple กำลังทำงานเกี่ยวกับชิป 2nm ที่อาจปรากฏตัวเร็วที่สุดในปี 2026 ซึ่งให้การปรับปรุงความเร็ว 10% ถึง 15% และลดการใช้พลังงาน 25% ถึง 30% และชิป 1.4nm อาจตามมาเร็วที่สุดในปี 2028 เพื่อพลังและการประหยัดพลังงานที่มากยิ่งขึ้น หวังว่าเราจะได้เห็นสิ่งที่เป็นนวัตกรรมของ Apple นี้ มาเขย่าวงการชิปในอนาคตอีกครั้ง

ที่มา : Macrumors