ช่วงส่งท้ายปี 2025 ถือเป็นนาทีทองของวงการไอทีประเทศไทยอย่างแท้จริง เมื่อทัพตัวแทนจากไทยภายใต้การนำของ สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) ได้เดินทางไปสร้างชื่อเสียงกระหึ่มเกาะไต้หวัน ด้วยการกวาดรางวัลใหญ่จาก 2 เวทีระดับบิ๊กของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้แก่ ASOCIO Tech Excellence Awards 2025 ณ กรุงไทเป และ APICTA Awards 2025 ณ เมืองเกาสง
ความสำเร็จในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของการสั่งสมประสบการณ์ การพัฒนานวัตกรรม และการปรับตัวของทั้งภาครัฐและเอกชนไทย สิ่งที่น่าสนใจกว่าตัวเลขจำนวนรางวัล คือเทคโนโลยีที่นำไปโชว์ เพราะปีนี้เราไม่ได้ไปแค่ในฐานะผู้ใช้งานเทคโนโลยี แต่เราไปในฐานะผู้สร้างที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไม่ว่าจะเป็น AI, Deep Tech, BioTech ไปจนถึง GovTech
Techhub อยากพาไปเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จของทั้ง 10 องค์กร ว่าพวกเขางัดไม้เด็ดอะไรไปชนะใจกรรมการระดับนานาชาติ และทิศทางของ Tech ไทยในปีหน้ากำลังจะมุ่งไปทางไหน
1. ยุคทองของ AI และ Deep Tech ไทยทำ ไทยใช้ ไทยรอด
เทรนด์โลกปีนี้หนีไม่พ้นเรื่องของ Artificial Intelligence (AI) แต่โจทย์ใหญ่ที่ทั่วโลกกำลังเจอคือ “จะเอา AI มาใช้กับงานที่มีความซับซ้อนสูงและต้องการความถูกต้องแม่นยำ 100% ได้อย่างไร?” ซึ่งตัวแทนจากไทยสามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างน่าทึ่ง
STelligence พลิกโฉมวงการกฎหมายด้วย GraphRAG
บริษัท เอส เทลลิเจนซ์ จำกัด (STelligence) สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการคว้าถึง 3 รางวัลใหญ่ (AI Service Provider จาก ASOCIO และอีก 2 รางวัลจาก APICTA) ด้วยผลงานที่ชื่อว่า CMP (Compliance Mapping Platform)
ความเจ๋งของ CMP คือการเป็น Legal Tech ที่เข้ามาแก้ปัญหา “คอขวด” ระดับชาติ การเตรียมความพร้อมของไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD นั้น จำเป็นต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงกฎหมายจำนวนมหาศาล ซึ่งหากใช้มนุษย์ทำตามวิธีเดิมอาจกินเวลาหลายปี แต่ STelligence พัฒนาระบบที่ใช้ Generative AI ผสานกับเทคโนโลยี GraphRAG เพื่อจัดโครงสร้างความเชื่อมโยงของข้อมูลกฎหมายที่ซับซ้อน (Unstructured Data)
ผลลัพธ์คือ CMP สามารถช่วยวิเคราะห์ เชื่อมโยง และแปลความกฎหมายไทยเทียบกับมาตรฐานสากลได้ โดยลดระยะเวลาทำงานเหลือเพียงไม่เกิน 12 เดือน! นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่า AI ฝีมือคนไทยสามารถทำงานระดับ High-Stake ที่ต้องการความละเอียดอ่อนสูงได้ และยังมีการจดสิทธิบัตรด้านการจัดการข้อมูลกฎหมายไทยไว้เรียบร้อยแล้ว

Ravis Technology น็อกยักษ์ใหญ่ด้วย UX และ AI
ในวงการ Life Science หรือการวิจัยยาและชีวภัณฑ์ ปกติจะเป็นสนามเล่นของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่มีซอฟต์แวร์ราคาแพงระยับ แต่ Ravis Technology สตาร์ทอัพไทย (รางวัล Start-Up Award) กล้าที่จะท้าชนด้วยกลยุทธ์ที่เฉียบคม
Ravis มองเห็น Pain Point ของนักวิจัยไทยและสถาบันวิจัยในภูมิภาคที่สู้ราคาซอฟต์แวร์ต่างชาติที่ราคาหลักล้านต่อปี ไม่ไหว แถมระบบเดิมๆ ยังใช้งานยาก Ravis จึงพัฒนาแพลตฟอร์ม AI แบบ End-to-End สำหรับงาน Clinical Trial ที่ครอบคลุมตั้งแต่การคัดกรองผู้ป่วย (AI Eligibility Criteria) ไปจนถึงระบบบันทึกข้อมูล (EDC)
จุดแข็งที่ทำให้ Ravis ชนะใจกรรมการคือ
– Price Gap ราคาที่เข้าถึงได้จริงสำหรับสถาบันวิจัยในไทยและอาเซียน
– User Experience ออกแบบใหม่ให้ลดขั้นตอนเอกสาร ลดความซับซ้อน ไม่ใช่แค่ย้ายกระดาษมาไว้บนหน้าจอ
-Data Quality ระบบถูกออกแบบภายใต้มาตรฐานสากล (USFDA, CDISC) ทำให้ข้อมูลที่ได้มีความน่าเชื่อถือสูงมาก และเมื่อข้อมูลสะอาด (Clean Data) AI ก็จะฉลาดและแม่นยำขึ้น
BOL จาก Data Provider สู่ Insight Provider
บมจ. บิซิเนส ออนไลน์ (BOL) (รางวัล Outstanding Tech Company) คือพี่ใหญ่ที่อยู่ในวงการข้อมูลนิติบุคคลมากว่า 30 ปี การได้รับรางวัลในปีนี้เป็นการตอกย้ำว่า BOL ไม่ได้หยุดนิ่ง แต่กำลังทรานส์ฟอร์มตัวเองครั้งใหญ่
ในยุคที่ใครๆ ก็เข้าถึงข้อมูลได้ บทบาทของ BOL จึงเปลี่ยนจากการขายข้อมูลดิบ มาเป็นการขาย Insight หรือคำตอบทางธุรกิจ ผ่านเครื่องมือใหม่อย่าง Corpus X (แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลบริษัท 1.9 ล้านราย) และ ARX (ระบบวิเคราะห์ความเสี่ยงลูกหนี้การค้า)
สิ่งที่น่าสนใจจากช่วงสัมภาษณ์คือ BOL ตระหนักถึงปัญหา AI Hallucination (อาการที่ AI มั่วข้อมูล) ซึ่งเกิดจากการเทรนด้วยข้อมูลขยะในอินเทอร์เน็ต BOL จึงชูจุดแข็งเรื่อง Clean & Verified Data”ที่สั่งสมมา 30 ปี มาเป็นฐานข้อมูลให้ AI เพื่อให้ภาคธุรกิจมั่นใจได้ว่าคำแนะนำที่ได้จาก AI ของ BOL นั้นถูกต้องและเชื่อถือได้จริง
2. Digital Government รัฐบาลดิจิทัลที่ “SMILE” และรักษ์โลก
ภาพลักษณ์ราชการไทยกำลังเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หน่วยงานภาครัฐที่ได้รับรางวัลในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยน Mindset จากผู้คุมกฎ เป็นผู้ให้บริการ
กรมสรรพากร ทำภาษีให้เป็นเรื่องง่าย (SMILE RD)
รางวัล Digital Government Award ที่กรมสรรพากรได้รับ มาจากวิสัยทัศน์ SMILE RD ที่ต้องการลบภาพจำการยื่นภาษีที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ให้กลายเป็นเรื่องง่าย
– My Tax Account: ระบบที่รวบรวมข้อมูลลดหย่อนภาษีมาไว้ที่เดียว
– AI Analytics: ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้เสียภาษี ไม่ใช่เพื่อจับผิด แต่เพื่อ “แจ้งเตือน” ก่อนที่ผู้เสียภาษีจะทำผิดพลาด ซึ่งช่วยลดภาระเบี้ยปรับเงินเพิ่ม
– The Future: เป้าหมายสูงสุดคือก้าวไปสู่จุดที่ผู้เสียภาษีแทบไม่ต้องกรอกข้อมูล เพียงแค่เข้ามาตรวจสอบและกดยืนยัน เท่านั้น รวมถึงการมี Chatbot “น้องอารีย์” คอยช่วยเหลือ 24 ชม.
กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฯ (DCCE) แพลตฟอร์มกู้โลก
ในยุค ESG (Environment, Social, Governance) ข้อมูลคือกุญแจสำคัญ กรม DCCE (รางวัล ESG Award) ได้พัฒนา GHGPlatform ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลระดับชาติสำหรับการเก็บข้อมูลก๊าซเรือนกระจก ระบบนี้ไม่ใช่แค่ Excel เก็บตัวเลข แต่เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงข้อมูลจากภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศแบบ Real-time รองรับมาตรฐานสากล เพื่อให้ไทยสามารถบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต และวางแผนนโยบายสิ่งแวดล้อมได้อย่างแม่นยำ เป็นการใช้ Tech เพื่อความยั่งยืนที่จับต้องได้อย่างแท้จริง

การประปานครหลวง บริการยุคใหม่ในมือถือ
กปน. (รางวัล Outstanding Digital Transformation) พิสูจน์ให้เห็นว่างานสาธารณูปโภคพื้นฐานก็ High-Tech ได้ ด้วยการยกเครื่องระบบบริการผ่าน CIS Gen 5 และแอปพลิเคชัน MWA onMobile (เวอร์ชั่น 3) ที่มีผู้ใช้งานกว่า 1.3 ล้านราย ทำให้ธุรกรรมเกี่ยวกับน้ำประปา ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบิล ขอติดตั้ง หรือแจ้งท่อแตก จบได้ในแอปเดียว เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างเป็นรูปธรรม
3. Service Excellence มาตรฐานไทยที่โลกยอมรับ
กลุ่มสุดท้ายคือองค์กรที่นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับการให้บริการ จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และบางรายถึงขั้นส่งออก เทคโนโลยีไปต่างประเทศ
Med CMU (สวนดอก) ต้นแบบ Smart Hospital
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (รางวัล HealthTech Award) โดดเด่นด้วยการสร้าง Digital Ecosystem ของตัวเองขึ้นมา โดยแบ่งเป็น 4 เลเยอร์ที่เชื่อมประสานกันทั้ง
– Core: ระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ (EMR) ที่พัฒนาเอง ลดการใช้กระดาษ
– Digital Business: ระบบ Telemedicine ที่เชื่อมต่อโรงพยาบาลชุมชน
– AI Layer: ใช้ AI ช่วยแพทย์อ่านผล X-ray และคัดกรองโรค เพิ่มความรวดเร็วในการวินิจฉัย
– Data & Security: ระบบจัดการข้อมูลที่เน้นความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐาน PDPA ความสำเร็จนี้ทำให้ “สวนดอก” กลายเป็นต้นแบบ Health Innovation Hub ของภูมิภาค และช่วยดันให้เชียงใหม่ติดอันดับเมืองที่มีระบบดูแลสุขภาพดีระดับโลก
Somapa ซอฟต์แวร์ไทย บินไกลข้ามทวีป
หลายคนอาจไม่ทราบว่า ระบบบริหารจัดการด่านชายแดนและคัดกรองผู้โดยสาร ที่ใช้กันในหลายประเทศ เป็นฝีมือคนไทย! บมจ. โสมาภา อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (รางวัล Global Business Service Award) คือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ โสมาภาฯ เชี่ยวชาญเรื่องระบบ APPS/PNR (ตรวจสอบข้อมูลผู้โดยสารล่วงหน้า) โดยใช้โมเดลธุรกิจที่ยืดหยุ่น ทำให้สามารถขยายตลาดไปได้ไกล ทั้งใน สปป.ลาว และข้ามทวีปไปยังกลุ่มประเทศโอเชียเนีย (เช่น ปาปัวนิวกินี) และแอฟริกา นี่คือตัวอย่างของ “Soft Power สาย Tech” ที่น่าภาคภูมิใจ
Bangkok Airways บินอย่างมั่นใจ ปลอดภัยระดับโลก
ในยุคที่ข้อมูลส่วนบุคคลมีค่าดั่งทองคำ สายการบินคือเป้าหมายใหญ่ของการโจมตีทางไซเบอร์ บมจ. การบินกรุงเทพ (รางวัล Cybersecurity Award) จึงให้ความสำคัญสูงสุดกับการปกป้องข้อมูลผู้โดยสาร บางกอกแอร์เวย์สไม่ได้มองแค่การป้องกัน แต่เน้นการเรียนรู้จาก Incident ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพื่อมาปรับปรุงระบบของตัวเองอยู่เสมอ (Resilience) รางวัลนี้จึงเป็นเครื่องการันตีให้ผู้โดยสารมั่นใจได้ว่า ทุกข้อมูลการเดินทางและธุรกรรม จะถูกดูแลด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล
ปิดท้ายด้วย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิ
คณะวิศวะฯ ม.ขอนแก่น นักสร้างนวัตกร
ทยาลัยขอนแก่น (รางวัล Talent Development Award) ที่ได้รับรางวัลจากการมุ่งเน้นสร้างบุคลากรคุณภาพ โดยเน้นโจทย์ แก้ปัญหาจริงผลงานเด่นๆ เช่น แอปพลิเคชัน ฟองดู ที่พัฒนาโดยศิษย์เก่าของ ม.ขอนแก่น สำหรับแจ้งเหตุน้ำท่วมและปัญหาเมือง หรือนวัตกรรมในช่วงโควิดที่สร้างหุ่นยนต์ดูแลผู้ป่วย สิ่งเหล่านี้สะท้อนวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้าง ปัญญาให้สังคม และผลิตบัณฑิตที่พร้อมทำงานในโลกยุคดิจิทัล
ก้าวต่อไปของ Tech ไทย
ความสำเร็จของ 10 องค์กรไทยในเวที ASOCIO และ APICTA 2025 เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า Ecosystem ไอทีของไทย ในวันนี้ มีความแข็งแกร่งและครบวงจรมากขึ้น
-เรามี Startup ที่กล้าทำ Deep Tech และ Life Science
– เรามี Corporate ที่ทรานส์ฟอร์มตัวเองสู่ Data-Driven และ AI
– เรามี Government ที่เริ่มใช้เทคโนโลยีมาบริการประชาชนจริงๆ
– และเรามี Software House ที่ส่งออกเทคโนโลยีไปขายทั่วโลกได้แล้ว

รางวัลเหล่านี้ไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้น ของความเชื่อมั่น ที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยเติบโตอย่างยั่งยืน และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
คุณสุภัค ลายเลิศ นายกสมาคม ATCI ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า ความสำเร็จนี้สะท้อนศักยภาพของ “คนไทย” ที่สามารถพัฒนาผลงานคุณภาพระดับโลกได้ และทางสมาคมฯ พร้อมที่จะผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยีไปใช้พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมต่อไป
ปี 2026 ที่จะถึงนี้ Techhub เชื่อว่าเราจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ จากฝีมือคนไทยออกมาให้ตื่นเต้นกันอีกแน่นอนครับ
ที่มา
งานแถลงข่าว ATCI








