AIS เดินหน้าลุยขยายเน็ตเวิร์คภาคอีสาน รับความต้องการใช้ เดต้า เพิ่มสูง

อไอเอส (AIS) ปักมุดรักษาพื้นที่ลูกค้าภาคอีสาน หลังพบพฤติกรรมผู้บริโภคโทรน้อยลงใช้เดต้า (DatA) มากขึ้น พร้อมขนทุกนวัตกรรมบริการที่มีให้บริการ ไปพร้อมการสร้างทักษะดิจิทัลการใช้อย่างรู้เท่าทัน

highlight

  • เอไอเอส ตอกย้ำคุณภาพโครงข่าย เดินหน้ามอบประสบการณ์เน็ตความเร็วสูง ทั้งบนโมบาย และบ้าน เข้าสู่ภาคอีสาน หวังรักษาฐานลูกค้ารายเดือนในภาคอีสานที่มีจำนวนมากกว่า ล้านราย เตรียมนำ AIS 4.5G และ AIS 4G ADVANCED ที่รองรับเทคโนโลยีขั้นสูง MIMO 4×4 with CA, 256 QAM DL/64 QAM UL, LAA (Licensed Assisted Access) และ FDD Massive MIMO 32T 32R ที่สามารถรับส่งข้อมูลได้ปริมาณมากขึ้นและเร็วกว่าเครือข่าย4G ถึง เท่า รวมทั้ง AIS SUPER WiFi เสนอสูผู้บริโถคภาคอีสานมากขึ้น 
  • เปิดตัวแคมเปญล่าสุด “เอไอเอส ที่ 1ตัวจริง เร็วแฮงสุดทั่วภาคอีสาน” โดยเลือก “ต่าย อรทัย” นักร้องลูกทุ่งขวัญใจมหาชนที่ได้รับความนิยม มาเป็นตัวแทนในการสื่อสารความมุ่งมั่นของเอไอเอสไปถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

AIS ขนเทคโนโลยีโครงข่ายเสริมแกร่งเน็ตเวิร์คอีสาน

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอส พร้อมที่จะนำเสนอบริการคุณภาพในทุกด้าน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งานทุกเจเนอเรชัน ภายใต้วิสัยทัศน์ Digital Life Service Provider ที่พร้อมนำศักยภาพของเครือข่าย

และเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามายกระดับขีดความสามารถของประเทศ และทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาเราได้ออกแบบ และพัฒนาเครือข่ายให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานของพื้นที่ทุกตารางนิ้วในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ที่มีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่นจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรรมท้องถิ่น 

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เอไอเอสได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับโลกมาให้บริการ และทำให้เน็ตเวิร์คเครือข่าย ของเราสามารถส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้งาน  อาทิ เครือข่าย เอไอเอส NEXT G, เครือข่าย เอไอเอส 4.5G และ เอไอเอส 4G ADVANCED 

ที่รองรับเทคโนโลยีขั้นสูง MIMO 4×4 with CA, 256 QAM DL/64 QAM UL, LAA (Licensed Assisted Access) และ FDD Massive MIMO 32T 32R ที่สามารถรับส่งข้อมูลได้ปริมาณมากขึ้น และเร็วกว่าเครือข่าย 4G ถึง 2 เท่า รวมทั้ง เอไอเอส SUPER WiFi ที่มีมากกว่า 120,000 จุดทั่วประเทศ

ขณะที่ในส่วนภาคอีสาน เอไอเอส ได้เดินหน้าขยายสถานีฐานบนระบบ 4G และ4.5G ให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ โดยมีเสามากกว่า 9,965 เสากระจายสัญญาณ ซึ่งครอบคลุม 2,678 ตำบล ใน 20 จังหวัดทั่วภาคอีสาน ซึ่งมากกว่าคู่แข่งของเรา ที่มีเสาเพียง 8,795 เสา และ 5,580 ตามลำดับ

AIS
ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส

หากมองในมุมของการแข่งในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีการแข่งขันปัจจุบันรุนแรง มีการทำ อัลลิมิต แพ็คเกจ (Unlimited Package) ทำให้ตลาดสะดุด และทำให้ประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าไม่ดี และส่งผลเสียต่อภาพร่วม แต่อย่างไรก็ดีปัจจุบันเริ่มดีขึ้น ไม่แข่งขันแพ็คเกจกันดุ อย่างเช่นในอดีต

ขณะที่ส่วนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ที่เริ่มมีการใช้การใช้เสียงน้อยลงเป็นใช้เดต้ามากขึ้น นั่นก็เป็นในพื้นที่ตัวเมือง แต่เริ่มขยายออกสู่ชานเมืองแล้ว อย่างไรก็ดีสัดส่วนการใช้เดต้ายังอยู่วงพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งปัจจบุันเอไอเอสมีลูกค้าในกลุ่มเติมเงินมากกว่า 8.8 ล้านเลขหมาย และระบบรายเดือน 1.2 ล้านเลขหมาย

แต่เริ่มมีการย้ายเติมเงินไปรายเดือน มากขึ้น ซึ่งการการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เรามามีเข้ามาในภูภาคอีสานมากขึ้นเพราะเราเชื่อผู้บริโภคเริ่มคุ้นชินกับเทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้น และทำให้ต้องประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผ่านโมบาย หรือเน็ตไฟเบอร์ไฮสปีด ซึ่งเราพร้อมนำเสนอบริการทั้ง 2 รูปแบบ 

ซึ่งแน่นอนว่าการที่มีโครงข่ายความเร็วสูงในอีกทางยังหมายถึงโอกาสของธุรกิจ และยังเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมคนรุ่นใหม่ที่จะสร้างรายได้จากความชอบ เช่น กีฬาดิจิทัล รืออีสปอร์ต โดยได้เดินหน้าร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำ ทดลองทดสอบเทคโนโลยีต่างๆอย่างต่อเนื่อง อาทิ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เริ่มต้นด้วยการวิจัยเทคโนโลยี NBIoT ในการทำ Smart Parking ที่จอดรถอัจฉริยะ และ Smart Trash ถังขยะอัจฉริยะ IoT พร้อมล่าสุด ยังเตรียมทดลองทดสอบเทคโนโลยี 5ที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้ร่วมกัน รวมถึงร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พัฒนาแนวคิดเมืองอัจฉริยะ Smart City จาก NBIoT อีกด้วย

AIS

ด้าน อุดมศักดิ์ โสมคำ หัวหน้าส่วนงานปฏิบัติการภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เอไอเอส กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์มือถือของคนเมืองมีแนวโน้มใช้งานมือถือมากกว่า 1 เครื่อง โดยปัจจุบันผู้ใช้งานในพื้นที่ต่างจังหวัดก็มีแนวโน้มใช้งานวอยซ์ลดลง และให้ความสำคัญกับการใช้งานดาต้ามากขึ้น 

โดยทิศทางการแข่งขันในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จึงยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องจากการนำกลยุทธ์ด้านราคามาใช้เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ซึ่งเอไอเอสจะยังคงให้น้ำหนักกับการขยายโครงข่ายสัญญาณ และการพัฒนาบริการดิจิทัลที่มีคุณภาพ

ขณะที่ในภาคอีสาน ถือเป็นพื้นที่ซึ่งเอไอเอสครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ถึง 55% มีจำนวนลูกค้ากว่า 10 ล้านเลขหมาย คิดเป็นสัดส่วน 24% ของฐานลูกค้าทั่วประเทศ แบ่งเป็นระบบเติมเงิน 8.8 ล้านเลขหมาย และระบบรายเดือน 1.2 ล้านเลขหมาย 

ซึ่งที่ผ่านมา เอไอเอสได้ขยายโครงข่าย 4G และ 4.5G ครอบคลุมทั้ง 2,678 ตำบล 20 จังหวัดทั่วภาคอีสาน ด้วยจำนวนสถานีฐาน 9,965 แห่ง จึงสามารถรองรับการขยายตัวด้านการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

โดยในภาคอีสาน เอไอเอสถือเป็นเครือข่ายที่เร็วที่สุด ทั้งยังขยายเครือข่าย เอไอเอส Fibre ครอบคลุมแล้ว 16 จังหวัดภาคอีสาน หรือ 25,711 จุดบริการ เพื่อรองรับความต้องการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 1.1 แสนราย เติบโตกว่า 12% เมื่อเทียบกับปี 2561 

นอกจากนี้เพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงได้เปิด เอไอเอส Contact Center Development & Training Arena ศูนย์กลางขึ้น เพื่อให้บริการลูกค้า และยังเป็นศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านงานบริการที่ใหญ่ และทันสมัยที่สุด 

AIS

ซึ่งการสร้างศูนย์กลางในการให้บริการประจำภูมิภาคอีสานจะช่วยกระจายองค์ความรู้จากส่วนกลาง และเกิดการจ้างงานในพื้นที่ภาคอีสานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ซึ่งจากการศึกษา และพัฒนาบริการดิจิทัลที่เข้าใจพฤติกรรม และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานทุก Segment ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา คนทำงานคออีสปอร์ต หรือกลุ่มคนเจเนอเรชันใหม่ที่ชื่นชอบการใช้เทคโนโลยี 

ทำให้เราสามารถออกออกแบบสินค้า และบริการที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของชาวอีสานมากขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นการจัดโปรโมชั่นสินค้ากลุ่ม Handset, แพ็กเกจมือถือ รวมถึงขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่ชาวอีสานเข้าถึงได้อย่างสะดวกและรวดเร็วกว่า 7,000 จุด 

นอกจากนี่ยังมีรถ Mobile Service Car ซึ่งเปรียบเสมือน เอไอเอส Shop เคลื่อนที่ ลงไปให้บริการในระดับหมู่บ้านทั่วภาคอีสาน ทั้งในงานประเพณีท้องถิ่น และงานกิจกรรมระดับตำบล แนวทางการดำเนินงานที่กล่าวทำให้เอไอเอสยังคงครองความเป็นที่ 1 ในภาคอีสานมาจนถึงปัจจุบัน

จัดโปรหนัก พ่วงสิทธิพิเศษ เพื่อคนอีสาน

AIS

เบญจพร กำเพ็ชร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกลุ่มลูกค้าบุคคล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟเซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นตั้งใจของเอไอเอสในการมอบบริการคุณภาพที่คัดสรรมาเพื่อพี่น้องชาวอีสาน เอไอเอสจึงเปิดตัวแคมเปญล่าสุด เอไอเอส ที่ 1ตัวจริง เร็วแฮงสุดทั่วภาคอีสาน โดยเลือก ต่าย อรทัย นักร้องลูกทุ่งขวัญใจมหาชนที่ได้รับความนิยม มาเป็นตัวแทนในการสื่อสารความมุ่งมั่นของเอไอเอสไปถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ในภาคอีสาน โดยประเดิมจัดกิจกรรมทัวร์คอนเสิร์ตม่วนกันหน่อย จอยกันแน” ซึ่งจัดขึ้นในจังหวัดเศรษฐกิจสำคัญของภาคอีสาน ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และอุบลราชธานี ที่จะนำความพิเศษพร้อมความบันเทิงจัดเต็มไปสู่พี่น้องชาวอีสานจากวันนี้เป็นต้นไป”

ชาวอีสานเตรียมพบกับความพิเศษจากแคมเปญ เอไอเอส ที่ 1 ตัวจริง เร็วแฮงสุดทั่วภาคอีสาน ทั้งแพ็กเกจมือถือ สิทธิพิเศษ คอนเทนท์ความบันเทิง ที่คัดสรรมาเพื่อหมู่เฮาชาวอีสานโดยเฉพาะ

  • สมาร์ทโฟนสุดคุ้มพร้อมแพ็กเกจถูกใจทั้งโทรและเล่นเน็ต ได้แก่ สมาร์ทโฟน เอไอเอส Super Smart Gen 1 ราคาเพียง 1,590 บาท ให้เล่นเน็ตสูงสุด 120 GB มูลค่า 1,400 บาท เมื่อใช้ซิมใหม่ที่มาพร้อมเครื่อง, ฟีเจอร์โฟน เอไอเอส Super Talk I ราคาเพียง 890 บาท โทร เอไอเอส ไม่อั้น ฟรี!
  • แพ็กเกจ โปรสะใจ คักหลายเพื่อชาวอีสาน เพียงเปิดซิมใหม่ เอไอเอส วัน-ทูคอล! The ONE SIM พร้อมเติมเงิน 30 บาททันที และกด *777*199# แล้วโทรออก รับสิทธิ์โทรฟรีไม่อั้นทุกเครือข่าย ครั้งละ 30 นาที นาน 3 เดือน
  • จัดเต็มกับสิทธิพิเศษแบบ 360 องศาจากร้านอาหาร เครื่องดื่ม และแหล่งช้อปปิ้ง ดังทั่วภาคอีสาน ที่ เอไอเอส คัดสรรมาเพื่อไลฟ์สไตล์ชาวอีสาน พร้อมกิจกรรมมื้อนี้ฟิน วันนี้ฟรี ทั่วภาคอีสาน ซึ่งมียอดลูกค้าใช้สิทธิ์กว่า 200,000 เลขหมายต่อปี
  • มอบคอนเทนท์ความบันเทิงบน เอไอเอส PLAY ที่ตอบโจทย์ความชื่นชอบของชาวอีสานผ่านหนังและคอนเสิร์ตจากศิลปินลูกทุ่งขวัญใจชาวอีสาน ที่นำโดย ต่าย อรทัย

AIS

วันนี้ภาคอีสานมีศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น และเป็นกำลังสำคัญที่จะผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตได้อย่างชัดเจน  อย่างในจังหวัดอุดรธานีก็มีการเติบโตที่ชัดเจนจากภาคการค้า และการบริการ รวมถึงมีการลงทุนจากภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น เอไอเอสจึงพร้อมนำศักยภาพเครือข่ายและบริการเข้ามาเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างโอกาส อาชีพ และยกระดับเศรษฐกิจของภาคให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งไปด้วยกัน

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com