จับเทรนด์ ส่องเทคโนโลยีใหม่ ในงานเปิดตัว Apple

เปิดตัวไปเรียบร้อย กับเทคโนโลยีล่าสุดจาก Apple ที่รวมมาอยู่ใน iPhone 13 , New iPad , iPad mini และ Apple Watch งานเปิดตัวรอบนี้ Apple กำลังบอกอะไร
ใครได้ดู California Streaming ของ Apple Event ล่าสุด คงพอจะเห็นความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยี ที่รอบนี้ Apple โชว์ความเจ๋งของชิป A15 ที่แทรกอยู่ในแต่ละไอเท็ม แม้หลายคนอาจมองว่าการเปิดตัวรอบนี้ดูจะไม่ฮือฮา เหมือนกับข่าวลือ ข่าวหลุด ข่าวปั่น ที่สร้างสระแสออกมาก่อนหน้านี้ แต่ก็พอเห็นอะไรบางอย่าง
เริ่มต้นจาก ชิป A15 Bionic ที่ให้ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า มี 6 Core ช่วยให้เสถียร และเร็วขึ้น 50% ส่วน GPU เป็นแบบ Qual Core GPU เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว ให้ประสิทธิภาพแรงขึ้น 30% รวมถึงรองรับ 5G ที่ดูเหมือนจะเป็นฟีเจอร์พื้นฐานของอุปกรณ์ทุกรุ่นที่ออกใหม่แล้ว
ถึงแม้ที่ผ่านมา Apple จะโดนกดดันจากกฎหมายระหว่างประเทศให้เปลี่ยน Port จาก Lightning เป็น USB-C มาตรฐานเดียวกันอุปกรณ์จากต่างค่าย แต่การเปิดตัวรอบนี้เห็นได้ชัดว่า Apple ยังไม่แยแสกับมาตรการหรือข้อบังคับที่จะตามมา เพราะยังคงใช้ Port Lightning กับสมาร์ทโฟนรุ่นขายดีอย่าง iPhone 13 แต่ไปเน้นพัฒนาคุณภาพของกล้องแทน
Apple จะพยายามลบคำสบประมาทของกล้อง บน iPhone อย่างต่อเนื่อง โดย iPhone 13 Pro Max รุ่นท็อป มาพร้อมกล้อง Telephoto ซูมได้ 3 เท่า กล้องเลนส์หลักจะมาพร้อมกับความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F1.5 จะสามารถถ่ายภาพกลางคืนได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนใครที่คาดหวังโฉมใหม่ของสมาร์ทวอชจากค่าย Apple คงแอบผิดหวังเล็กๆ เพราะล่าสุด Apple ยังเน้นพัฒนาฟีเจอร์ด้านสุขภาพ และประสบการณ์ในการใช้งาน ร่วมกับ Apple Fitness+ มากกว่า
รายละเอียดของใหม่
: iPad (2021)
– จอ True Tone ขนาด 10.2 นิ้ว สว่างสูงสุด 500 nits
– ชิป A13 Bionic จีพียูเร็วขึ้น 20%
– รองรับ Apple Pencil (Gen 1) เหมือนเคย
– กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล F/2.4 กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล F/2.4
– รองรับ Apple Pencil (Gen 1) เหมือนเคย
: iPad Mini (2021)
– จอ Liquid Retina แบบ True Tone ใหญ่ขึ้น 8.3 นิ้ว สว่างสูงสุด 500 nits
– ชิป A15 Bionic ซีพียูเร็วขึ้น 40% จีพียูเร็วขึ้น 80%
– รองรับ 5G และ Wi-Fi 6
– พอร์ต USB-C
– มี Touch ID
– แบตฯ ใช้ได้สูงสุด 10 ชั่วโมง
– กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล F/1.8 กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล F/2.4
– ระบบเสียงสเตอริโอ
⌚️ : Apple Watch Series 7
– จอ Retina ใหญ่กว่าเดิม
– ขนาดตัวเครื่องบางลง โดยลดขอบลงถึง 40% และทนทานขึ้น
– มีพื้นที่หน้าจอมากกว่า Series 6 เกือบ 20%
– มาตรฐานกันฝุ่น IP6X
– แบตใช้ได้นาน 18 ชั่วโมง
– Watch OS 8
? : iPhone 13 และ iPhone 13 Mini
– จอ Apple-custom OLED ขนาด 6.1 และ 5.4 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 1200 nits และ 800 nits
– ชิปประมวลผล Apple A15 Bionic พร้อมกราฟิกเร็วกว่าคู่แข่งชั้นนำถึง 30 เปอร์เซ็นต์ (ใครบ้างหนอ)
– กล้องหลัง 2 ตัว แบ่งเป็น เลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล F/1.6 ขนาดใหญ่ถึง 1.7 μm กับเลนส์ Ultrawide 12 ล้านพิกเซล F/2.4
– แบตฯ อยู่ได้นานกว่ารุ่นก่อน 2.5 ชั่วโมง ส่วนรุ่น Mini นาน 1.5 ชั่วโมง
– รองรับ 5G และ Wi-Fi 6
– ใช้ Lightning พอร์ตเช่นเคย
? : iPhone 13 Pro และ 13 Pro Max
– จอ Super Retina XDR ProMotin แบบ OLED ขนาด 6.1 และ 6.7 นิ้ว รองรับ 120 Hz ความสว่าง 1000-1200 nits
– ชิปประมวลผล Apple A15 Bionic
– กล้องหลัง 3 ตัว แบ่งเป็น เลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล F/1.5 ขนาดใหญ่ถึง 1.9 μm กับเลนส์ Ultrawide 12 ล้านพิกเซล F/1.8 และเลนส์ Telophoto 12 ล้านพิกเซล ซูมออปติคัลได้ 3 เท่า (รวมทั้งระบบได้ 6 เท่า)
– ถ่ายมาโครได้แล้ว
– แบตฯ เทียบกับ iPhone 12 Pro Max อยู่ในนานขึ้น 2.5 ชั่วโมง
– รองรับ 5G และ Wi-Fi 6
– ใช้ Lightning พอร์ตเช่นเคย
– มีรุ่นความจุ 1TB ให้เลือกแล้ว !!
#TechhubUpdate #Apple #iPhone13 #AppleEvent