มสธ. ผลักดันการศึกษาไทยสู่ยุคดิจิทัลด้วย AWS ทันสมัยและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

ผลการศึกษาล่าสุดของ AWS-Gallup Asia Pacific Digital Skills Study พบว่ากว่า 50% ของแรงงานในประเทศไทยยังขาดทักษะดิจิทัลที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน แต่ผู้ที่มีทักษะดิจิทัลขั้นสูง เช่น การพัฒนาคลาวด์ การพัฒนาซอฟต์แวร์ และ AI/ML จะมีรายได้สูงกว่าผู้ที่ไม่มีทักษะดิจิทัลถึง 64% มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่มีนักศึกษากว่า 200,000 คนใน 64 ประเทศ ได้ร่วมมือกับ Amazon Web Services (AWS) ในการปฏิวัติระบบการเรียนการสอนและการสอบออนไลน์ของตน โดยการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่สามารถปรับขนาดได้และคุณสมบัติด้านความปลอดภัยของ AWS มสธ. สามารถพัฒนาแพลตฟอร์ม e-learning และระบบสอบออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว โดยเอาชนะความท้าทายในอดีต

เทคโนโลยีคลาวด์มีบทบาทสำคัญในการพลิกโฉมภาคการศึกษาของประเทศไทยให้ทันสมัยและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดย AWS ได้ลงทุนครั้งสำคัญกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นระยะเวลา 15 ปี พร้อมการเปิดตัว AWS Asia Pacific (Thailand) Region ในไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ GDP ของไทยปีละประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งสร้างบุคลากรด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคต ผ่านการสร้างงานมากกว่า 11,000 ตำแหน่งต่อปี

นายจูเลียน เหลา Head of ASEAN Growth, Worldwide Public Sector ของ AWS กล่าวว่า “AWS อยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปีแล้ว และทีมงานของเราได้ให้การสนับสนุนลูกค้าภาครัฐที่หลากหลาย เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของพวกเขานั้นประสบความสำเร็จ การลงทุนและการทำงานร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยสะท้อนถึงภารกิจของ AWS ในการยกระดับชีวิตของผู้คนผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล”

ดร.ศรันย์ นาคถนอม ผู้อำนวยการสำนักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า “มสธ. มีความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยดิจิทัลชั้นนำ และการร่วมมือกับ AWS ช่วยให้เราสามารถพัฒนาระบบการเรียนการสอนและการสอบออนไลน์ที่มีความสามารถในการปรับขนาดและความปลอดภัยสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของนักศึกษาและการใช้งานภายในมหาวิทยาลัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบหลักของมหาวิทยาลัย รวมถึงระบบบริหารจัดการการเรียนรู้และระบบสอบ ทำงานอยู่บน AWS ซึ่งมีความสามารถในการปรับขนาดและการเข้าถึงทั่วโลก ช่วยให้เราสามารถพัฒนาแพลตฟอร์ม e-learning ที่ทำให้ 60 ภาควิชาเปิด 700 หลักสูตรออนไลน์ได้ภายในเวลาเพียง 3 เดือน และให้ความปลอดภัยระดับสูงสำหรับแพลตฟอร์มการสอบออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเรียนการสอนทางไกลของมหาวิทยาลัยเปิดอย่างเรา นอกจากนี้ รูปแบบการกำหนดราคาแบบ ‘จ่ายตามการใช้งาน’ (pay-as-you-go) และคุณสมบัติอย่าง auto-scaling ของ AWS ช่วยให้ มสธ. ประหยัดค่าใช้จ่าย โดยการจัดสรรทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์เฉพาะเมื่อนักศึกษาเข้าถึงระบบ และลดขนาดลงเมื่อความต้องการต่ำ ซึ่งช่วยให้กระบวนการทำงานของเราคล่องตัวขึ้น”

ความร่วมมือระหว่าง มสธ. และ AWS ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรอย่าง ยิบอินซอย ทำให้มหาวิทยาลัยสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์และโลจิสติกส์ของรูปแบบมหาวิทยาลัยเปิด และมอบสภาพแวดล้อมการเรียนรู้และการสอบดิจิทัลที่แข็งแกร่ง ปรับขนาดได้ และปลอดภัย

คุณสัมฤทธิ์ ตรงตรานนท์ ผู้อำนวยการสายงาน บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กล่าวว่า “ยิบอินซอยในฐานะพันธมิตรสำคัญของ AWS มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุน มสธ. ในการให้บริการการสอบออนไลน์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลทางการศึกษาของไทย ยิบอินซอยมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ workload และป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์สำหรับการสอบออนไลน์ และให้การสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากการสอบมักจะจัดขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดยาว”

ในอนาคต มสธ. ยังคงเดินหน้าพัฒนาระบบสอบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนที่จะนำ AI มาใช้ในการตรวจจับพฤติกรรมของนักศึกษาระหว่างสอบเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความยุติธรรม และยกระดับการยืนยันตัวตน นอกจากนี้ มสธ. ยังเปิดโอกาสทางการศึกษาให้ทุกคนเข้าถึง โดยมีนโยบาย “ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิ” ก็สามารถจบปริญญาตรีได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Open University และการขยายโอกาสให้กับทุกกลุ่มประชากร