Knowledge รับมือกับเบราว์เซอร์จอมลวง ท่องเว็บแบบส่วนตัว แต่ยังถูกติดตาม

เมื่อเราใช้งานเว็บเบราเซอร์ และเลือกใช้งานโหมดส่วนตัว (Incognito , Inprivate หรือชื่ออื่น ๆ แล้วแต่เบราว์เซอร์นั้น ๆ ) หลายคนมักจะเข้าใจว่ามันเป็นส่วนตัวจริง แต่นั่นไม่ใช่
.
สิ่งที่จะบอกก็คือ แม้ว่าเราจะใช้เบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยและเปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตนหรือการท่องเว็บแบบส่วนตัว เราก็ยังถูกติดตามได้ในโลกออนไลน์ เพราะโหมดเหล่านี้ ไม่ได้มีการซ่อนตัวตนของเราจริง ๆ
.
สิ่งที่โหมดส่วนตัวทำให้เรา คือลบประวัติการท่องเว็บหรือคุ้กกี้จากเบราว์เซอร์ของเรา ซึ่งมันควรจะใช้ได้ดีเพื่อลดการติดตามในโลกออนไลน์นะ แต่ตอนนี้ Google ยังมีคดีที่โดนฟ้องอยู่ เพราะมีคนจับได้ว่า มีการติดตามดูผู้ใช้งาน แม้พวกเขาจะใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตนครับ
.
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงข้อบกพร่องภายในและภายนอกทั้งหมดของโหมด “ความเป็นส่วนตัว และเราจะมีคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีที่สร้างความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์อย่างแท้จริงครับ

สิ่งที่ควรเข้าใจ

1. เบราว์เซอร์ของเราไม่ใช่ที่เดียวที่สามารถดูประวัติการท่องเว็บของตนเองได้
ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของเรา ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหน จะสามารถเห็นประวัติของเราทั้งหมดในโลกออนไลน์ (ใครแอบโหลดหนัง 18+ บ่อย ๆ พวกเขารู้เลยนะ) และพวกเขายังสามารถส่งข้อมูลนี้ไปให้ใครก็ได้ที่ขอข้อมูล เช่น บริษัทด้านการตลาดครับ…
.
2.การท่องเว็บแบบส่วนตัวและโหมดไม่ระบุตัวตนจะไม่ซ่อนที่อยู่ IP ของเรานะ
เพราะอุปกรณ์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะต้องมีที่อยู่ IP Address ที่ไม่ซ้ำกัน และด้วยเหตุนี้ ประวัติการท่องเว็บของคุณจึงถูกผูกไว้กับอุปกรณ์ของคุณ ซึ่ง IP เนี่ยแหละ จะเป็นตัวบอกว่าเราคือใคร เป็นใคร หรือบ้านอยู่ที่ไหน ดังนั้น หากเราต้องการซ่อนตัวตนในโลกออนไลน์ เราก็ต้องซ่อน IP Address เป็นอันดับแรกเลย
.
3.Login ในโหมด ไม่ระบุตัวตน แต่เค้าก็ยังรู้ว่าเราเป็นใคร
ยกตัวอย่างเช่น Login เข้า Facebook หรือ Netflix ยังไงเว็บพวกนี้ก็ยังรู้ตัวตนพวกเรา ไม่ว่าเราจะเข้าด้วยเบราว์เซอร์ใดก็ตาม และเขาก็ยังได้ข้อมูลจากเราอยู่ดี เช่น หากลงชื่อหากเข้าใขบริการใด ๆ ของ Google แค่บริการเดียว ก็ทำให้พวกเขาสามารถติดตามเราได้จากดีไวซ์นั้น ๆ แล้ว
.
4.จะมีการทิ้งข้อมูล DND ไว้ในแคช
โดยเมื่อเราเข้าเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม อุปกรณ์ของคุณจะทำการค้นหา DNS เพื่อค้นหาที่อยู่ที่ถูกต้อง (DNS คือ Domain Name Server คือคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เก็บค่า IP ของแต่ละเวปไซต์ ) และอุปกรณ์เราอาจเก็บผลลัพธ์ของการค้นหาเหล่านี้ไว้ในแคช แคชจะทำหน้าที่เพิ่มความเร็วในการนำทางและลดภาระงานบนเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่เก็บข้อมูล DNS ไว้ เพื่อให้เราเข้าเว็บเดิมได้ไวขึ้น (นี่คือสาเหตุว่า ทำไมเข้าเว็บครั้งแรกแล้วถึงช้า)
.
แต่ข้อมูลนี้จะไม่คงอยู่ตลอดไปนะ โดยอุปกรณ์แต่ละเครื่องมีการตั้งค่า TTL (Time To Live) ที่ควบคุมระยะเวลาที่ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในแคชก่อนที่จะถูกลบ อ้าว………. แล้วจะมีปัญหาอะไร ? ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งใดก็ที่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ของเราได้ (ซึ่งมันไม่ได้ยากเท่าไหร่) คนร้ายสามารถเข้าถึงแคช DNS และดูไซต์ทั้งหมดที่เราเข้าเคยเข้าครับ
.
5.อยู่ในโหมดส่วนตัวนานไปก็ไม่ดีนะ
อาจฟังดูขัดกับสัญชาตญาณนะครับ แต่หากเราสิงอยู่ในโหมดความเป็นส่วนตัวของเบราว์เซอร์นานเกินไป มันก็ไม่ต่างจากที่เราใช้โหมดปกติ เพราะโหมดเหล่านี้ทำงานโดยการลบประวัติการท่องเว็บและคุกกี้ของเราเมื่อเราออกจากระบบหน้าต่างที่ไม่ระบุตัวตน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้จะอยู่ในหน้าต่างส่วนตัวของเบราว์เซอร์จนกว่าเราจะปิดมัน เพื่อลดปัญหานี้ เราควรปิดเมื่อใช้เสร็จ และเปิดใหม่ตามช่วงที่ต้องการใช้
.

สรุปก็คือ

ไม่ว่าจะเป็น Incognito Mode , Private Mode หรือชื่ออื่น ๆ มันยังไม่มีความเป็นส่วนตัวเหมือนที่ชื่อของมันบอก ฉะนั้น จงเข้าใจเสียใหม่ครับ และหาวิธีป้องกันอื่น ๆ เพิ่มเติม
.
เราจะหนีออกจาก การติดตามบนโลกออนไลน์ยังไงได้บ้าง
.
1.เลือกใช้เบราว์เซอร์ที่ค่อยยัดเยียดโฆษณาให้
การติดตามข้อมูลบนโลกออนไลน์ ส่วนใหญ่มักจะถูกเก็บไปศึกษาเกี่ยวกับการทำโฆษณาครับ แต่ตอนนี้มี เบราว์เซอร์บางเจ้าที่พยายามบล็อคโฆษณาอย่าง Brave ซึ่งสันนิฐานได้ว่า จะไม่เก็บข้อมูลเราไปใช้ทำโฆษาแน่นอนครับ
.
รวมทั้งเวลาเปิดโหมดไม่ระบุตัวต้น แนะนำว่า พยายามอย่าล๊อกอิน ซึ่งจะสามารถลดการติดตามลงไปได้ระบดับหนึ่งครับ
.
2. ใช้ VPN
VPN เป็นบริการเสริมที่จะแปลง IP Address เป็นใครก็ไม่รู้ ที่ไม่มีใครรู้จัก แม้แต่ ISP ก็ตาม แต่บริการนี้ต้องเสียค่าบริการเป็นรายเดือนครับ ใครซีเรียสกับข้อมูลส่วนตัวมาก ๆ ยอมเสียเงินนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่เสียหายนะ
.
3. ใช้ตัวบล็อกโฆษณา
แม้จะเปิดใช้งานการท่องเว็บแบบส่วนตัวและโหมดไม่ระบุตัวตน โฆษณาและเครื่องมือติดตามบางอย่างอาจยังคงโหลดอยู่บนเบราว์เซอร์ของเรา ดังนั้นเลือกใช้ตัวบล็อคโฆษณาได้เลย ใช้งานงานโดยหาจากส่วนขยายได้เลยครับ