[เหมือนกล่องดำ] หลังก่อนหน้านี้ทาง BBC เผย AI ให้ข่าวผิดกว่า 45% ล่าสุดทางมหาวิทยาลัยในเยอรมนี ได้ลองใช้ AI ช่วยค้นหา (AI Search) ช่วยค้นหาข้อมูลด้วยเลย พบตัว AI ดึงข้อมูลเพียง “ขอบ” ของอินเทอร์เน็ต เช่น ไม่ได้ดึงจากเว็บลิงก์อันดับต้น ๆ ของ Google
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยรูห์ร (Ruhr) แห่งเมืองโบคุม ประเทศเยอรมนี ร่วมกับ Max Planck สถาบันวิจัยด้านระบบซอฟต์แวร์ในเยอรมนี ได้ตีพิมพ์บทความวิจัยในหัวข้อว่า “การจำแนกลักษณะของการค้นหาเว็บในยุคของ Generative AI” (Characterizing Web Search in the Age of Generative AI.) ว่าด้วยการใช้เสิร์ชเอนจินหรือ AI ช่วยค้นหาข้อมูลหลาย ๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็น AI Overviews (ของ Google) , Gemini-2.5 Flash และ GPT-4o Web Search โดยดูถึงการใช้แหล่งอ้างอิงข้อมูล
ตามปกติแล้ว หากค้นหาข้อมูลจาก Google ระบบก็จะคัดเว็บไซต์ที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องและน่าเชื่อถือเป็นหลัก จัดเป็นอันดับต้น ๆ ให้เห็นตั้งแต่หน้าแรก ซึ่งตรงกันข้ามกับ Generative AI ที่จะสังเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง มาให้เป็นคำตอบที่กระชับและสรุปผลแล้วนั้นเอง
เพื่อเป็นการยืนยัน ทางนักวิจัยจึงได้ลองดึงตัวอย่างคำค้นหาหลายพันรายการ จากชุดข้อมูลสาธารณะหลาย ๆ ชุด ซึ่งรวมถึงคำถามที่รวบรวมจากการโต้ตอบของ ChatGPT โดยชุดข้อมูล WildBench ด้วย ส่วนหัวข้อค้นหาก็ใช้เรื่องสังคมและการเมืองจากเว็บ AllSides กับเรื่องผลิตภัณฑ์ที่มีการค้นหามากที่สุด 100 ตัวใน Amazon และรวมถึงหัวข้อที่กำลังเป็นกระแสจากเทรนด์ของ Google เพื่อใช้ในการทดสอบเปรียบเทียบด้วย
คำค้นหาแต่ละรายการนั้น ก็จะถูกส่งไปทั้ง Google Search แบบดั้งเดิม (ค้นหาด้วยมือ) และระบบค้นหาด้วย AI จนได้ผลลัพธ์เปรียบเทียบที่น่าสนใจออกมา โดยพบเลยว่า
ผลการค้นหาที่สร้างโดย AI Overview พบดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ที่อยู่นอกหมวดหมู่ แต่ก็มีผู้เข้าชมมากที่สุดอย่างสม่ำเสมอ กล่าวคือตัว AI มีการอ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ที่ไม่ปรากฏใน 10 อันดับแรกของการค้นหาใน Google นั่นเอง และยังมีถึง 40% ที่ไม่ปรากฏแม้แต่ใน 100 เว็บแรก
สำหรับผลลัพธ์ดังกล่าว ก็ได้มาจากการใช้ Tranco เครื่องมือติดตามเว็บตามความนิยม ใน Google นี้เอง จนดูได้เลยว่าเว็บที่ตัว AI เอามาอ้างอิงนั้นอยู่ในอันดับไหน โดยถัดมาคือตัว Gemini คราวนี้พบเป็นเว็บที่อยู่นอก 1,000 อันดับแรกของ Tranco ไปเลย เป็นการดึงข้อมูลมาจากแหล่งอ้างอิงที่ไม่โดดเด่น หรือเว็บนอกกระแส
แต่เว็บนอกกระแสที่ว่า ก็มีแนวโน้มว่าเป็นเว็บของสถาบันวิจัยเลย เช่น หน้าเพจของบริษัทและสารานุกรม มากกว่าเว็บที่เป็นโซเชียลมีเดียหรือเว็บบอร์ด ที่มีคนเข้าใช้จำนวนมาก
ในการค้นหาแบบดั้งเดิมหรือใน Google นั้น เช่น ค้นหาประเด็นทางการเมือง ตัวเว็บจะะแสดงลิงก์ 10 อันดับแรกที่อาจมีมุมมองที่แตกต่างกัน 5 มุมมอง ให้ผู้ใช้ตัดสินใจเลือกแหล่งข้อมูลเอาเองเลย ทว่า AI เช่น GPT-4o กลับเลือกที่จะ ‘ย่อยข้อมูล’ หรือสรุปมาให้เองเป็นบทสรุปเดียว ที่บีบอัดความแตกต่างทางความคิดทิ้งไป จนไม่ได้ให้แหล่งอ้างอิงที่ชัดเจน
อีกจุดหนึ่งที่สังเกตได้ชัดเลย คือเวลาใช้ AI ช่วยค้นหาข้อมูลเหตุการณ์ล่าสุดหรือข่าวด่วน ตัว AI ก็มักจะให้ข้อมูลเก่า ไม่อัปเดตข้อมูลในปัจจุบัน
โดยสรุปบทวิจัยนี้ก็เหมือนเป็นการเตือนภัย ชี้ AI อาจกำลังทำลายโมเดลธุรกิจ SEO และการเผยแพร่เนื้อหาแบบดั้งเดิม เนื่องด้วยการค้นหาด้วย AI นั้น มักได้คำตอบที่ถูกสังเคราะห์มาให้ แถมเอามาจากเว็บนอกกระแส ที่ไม่รู้เลยว่ามาจากเว็บที่เชื่อถือได้หรือไม่ จนหลายครั้งก็ได้ข้อมูลที่บิดเบือน กลายเป็นหลงเชื่อข่าวหรือข้อมูลเท็จในที่สุด
ที่มา : Techspot
 
		








