พับโปรเจค Disney หยุดพัฒนา Metaverse เลิกลงทุนสร้างโลกเสมือน

Disney หยุดพัฒนา Metaverse

มีข่าวว่า Disney เตรียมปลดพนักงานมากถึง 7,000 คนทั่วทั้งบริษัทภายในสองเดือนข้างหน้า โดยหนึ่งในแผนกที่โดนก่อนใครเพื่อน คือแผนกที่พัฒนาโปรเจค Metaverse มีผลทำให้พนักงาน 50 คน ตกงานทันที ยกเว้นเพียงแค่ Mike White ที่เป็นหัวหน้าทีม ซึ่งยังไม่มีข่าวว่า เขาจะไปอยู่ในส่วนใดต่อ ซึ่ง Disney เองก็ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อ

Disney เซ็นสัญญาจ้าง White และริเริ่มโปรเจค metaverse เพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่ Facebook ได้รีแบรนด์เป็น Meta และ Mark Zuckerberg ลงเงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อหวังจะเป็นผู้นำในเทคโนโลยีดังกล่าว

แน่นอนว่า เมื่อบริษัทใหญ่ระดับโลกหันหัวเรือไปทางนั้นชัดเจน มีหรือ.. ที่บริษัทอื่นจะไม่เอาด้วย ซึ่ง Disney ก็คาดหวังว่าจะใช้ Metaverse นำเสนอประสบการณ์ใหม่ ให้ผู้ใช้เข้าถึงอนิเมชั่นของ Disney ในโลกเสมือนจริงได้มากขึ้น

แต่ปัจจุบัน ด้วยความงุนงงในการใช้งาน พร้อมทั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ยังมีราคาแพง Metaverse อาจยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเข้าสู่กระแสหลักได้ จึงยังไม่มีเหตุผลที่จะต้องลงทุนต่อไป และนั่นทำให้ Disney รวมทั้งบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เคยเบนเข็มตาม Meta เริ่มจะลดความสำคัญของ Metaverse ลง

ส่วนตัวมองว่า การยุบแผนก Metaverse ของ Disney อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น

1.การลดการลงทุน โดย Disney อาจต้องการลดการลงทุนในโครงการ Metaverse เนื่องจากมีความไม่แน่นอนว่า Metaverse จะเป็นที่ยอมรับในตลาดหรือไม่ และอาจมีความเสี่ยงทางธุรกิจอยู่เสมอ ๆ

2.การเสื่อมความนิยมของผู้บริโภค โดย Disney อาจได้รับข้อมูลว่าผู้บริโภคไม่ได้สนใจใน Metaverse เท่าที่คาดหวัง หรือว่า Metaverse อาจไม่ได้เป็นสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการจริง ๆ หรือเปล่า

3.การเปลี่ยนแปลงของกลยุทธ์ โดย Disney อาจต้องการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ที่มุ่งหวังจาก Metaverse ไปยังโครงการอื่นที่มีความสำคัญมากกว่า เช่น การสร้างสารคดีใหม่ หรือการพัฒนาซีรีส์และภาพยนตร์ที่เป็นหัวใจหลักของ Disney อยู่แล้ว

และสิ่งที่จะส่งผลกระทบตามมาคือ ในการยุบแผนก Metaverse ของ Disney อาจจะเป็นผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในตลาด Metaverse ทั่วโลก และอาจมีผลกระทบต่อการพัฒนาและการรวมกันของเทคโนโลยี Metaverse ในอนาคต

ให้พูดตรง ๆ ก็คือเทคโนโลยีมันยังไม่พร้อม โดยเฉพาะเรื่องของชิปประมวลผล ที่หากจะต้องสร้าง Metaverse ที่ทุกคนคาดหวังอย่างในภาพยนต์ “Ready to player one” เพื่อดึงความนิยมกลับบมา มันจะต้องใช้ปริมาณชิป “มหาศาล” มาก ๆ ยกเว้นเสียแต่ในอนาคต จะมีการพัฒนาชิปที่ทรงประสิทธิภาพมากกว่าในปัจจุบันครับ

ที่มาข้อมูล
techcrunch