ถอดรหัสและแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ “Christmas Story” เพื่อก้าวสู่ยุคศูนย์ข้อมูลแห่งอนาคต

เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำหลายๆ สิ่งนั้นเกิดขึ้นจากแรงบัลดาลใจและจินตนาการ และหลายสิ่งก็เกิดขึ้นในโลกของภาพยนตร์เช่นกันอย่างเช่น ยานอวกาศที่สามารถพาคนขึ้นไปยังดวงจันทร์ได้ หรือรถยนต์เหาะได้ที่มีการพยายามสร้างอยู่ในปัจจุบัน จึงไม่น่าแปลกใจว่าเรื่องของ ศูนย์ข้อมูล ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นจากการถอดรหัสความเป็นไปได้และนำมาสร้างให้เกิดขึ้นจริง

ในช่วงปลายปีนั้นถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข รวมถึงเหล่าเด็กๆ เองต่างก็รอคอยช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งของขวัญ โดยเฉพาะหากได้อุปกรณ์ gadget ต่างๆ ช่วงเวลาแห่งความสุข และเมื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ย้อนนึกถึงของเล่นชิ้นหนึ่งที่อยากได้เนื่องจากเห็นจากภาพยนตร์ A Christmas Story ซึ่งเป็น “เครื่องถอดรหัสคำสั่ง” โดยเป็นของเล่นที่ตัวเอกของเรื่อง Ralphie ได้รับ และใช้เวลาในการแกะรหัสลับจากเครื่องถอดรหัสนั้น แต่เมื่อมาถึงยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีได้เข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบของอุตสาหกรรม ทำให้วันนี้สิ่งที่ต้องการคือเครื่องถอดรหัสที่สามารถบอกได้ว่าต่อไปจะมีเทคโนโลยีอะไรเกิดขึ้นอีก

ทำไมถึงกล่าวเช่นนี้ นั่นก็เพราะหากลองมองย้อนไปก่อนปี 2006 เทคโนโลยี คลาวด์ คอมพิวติ้งส์ (Cloud Computing) เป็นเทคโนโลยีที่ไม่มีใครพูดถึง แต่ก็ถูกทำให้เกิดขึ้นในปีเดียวกัน ด้วยความสามารถของ Amazon Web Service (AWS) และภายใน 10 ปีให้หลัง ทุกคนพูดถึง Edge computing (การประมวลผลในระบบ LAN) ระบบพลังงานหมุนเวียน และรถยนต์ไร้คนขับ (Driverless Car) รวมถึงความสามารถในการท่องไปบนโลกของอินเทอร์เน็ต และการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะเทคโนโลยีในการรับส่งข้อมูลนั้นก้าวหน้ามากขึ้น

และหากมองย้อนกลับไปในปี 2483 ในภาพยนตร์ A Christmas Story ตัวละคร Ralphie ที่กำลังท้าให้เพื่อนทำอะไรแผลงๆ  แต่ซึ่งหากอยู่ยุคปัจจุบัน สิ่งที่ Ralphie จะท้าทาย น่าจะเป็นให้เพื่อนทำอย่างไรก็ได้เพื่อจะสามารถตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตซึ่งดูจะเป็นเรื่องที่สนุกมากกว่า

และเมื่อกลับมาดูเรื่องของความเจริญก้าวหน้าของ ศูนย์ข้อมูล ในปัจจุบัน ที่ทางชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยีของศูนย์ข้อมูลตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะพบว่าสามารถลดความสูญเสียความสามารถของโครงสร้างพื้นฐาน ต่ออุตสาหกรรมนี้ได้ประมาณ 80% และปรับปรุงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ และออกแบบระบบในการควบคุมพลังงานให้ดีขึ้นได้ แต่น่าเสียดายที่วิธีการนี้ใกล้จะมาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว

ในอนาคต ข้อมูลจะเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ อุตสาหกรรมจะใช้ระบบ ศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพื่อจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่และนำมาประมวลผลเพื่อตกผลึกเป็นข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ นั่นแปลว่าอุตสาหกรรมนั้นจะมีความต้องการในการใช้พลังงานมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัญหาใหญ่ หากระบบบริหารจัดการด้านพลังงานไม่ได้คล้อยตามไปพร้อมกับเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับในภาพยนตร์ที่พ่อของ Ralphie ได้เสียบหลอดไฟคริสมาสต์ใส่ในแผงปลั๊กขนาดเล็กที่เกินกำลังจะรับไหว และทำให้เกิดไฟไหม้ ซึ่งเป็นไปได้ว่า อุตสาหกรรมเองก็อาจจะเข้าใกล้สภาวะ “การใช้พลังงานเกินพิกัด” เช่นเดียวกัน

ดังนั้นคงจะกล่าวว่าได้ว่าวันนี้เรากำลังอยู่บนเส้นทางที่ไม่ยั่งยืน หากไม่พัฒนาวิธีการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการดูแล ระบบเน็ตเวิร์ค และการจัดการแหล่งที่จัดเก็บข้อมูล โดยหลังจากนี้ไปการพูดถึงประเด็นนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการ เพิ่มประสิทธิผล การใช้พลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ (Power Usage Effectiveness : PUE) เพื่อประสิทธิภาพของระบบไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Cloud) แต่จะเป็นเรื่องประสิทธิภาพโดยรวมของทั้งระบบ เพื่อให้เกิดการพัฒนาเพิ่มขึ้น 80% ต่อไปใน 10 ปี และจัดการกับผลกระทบของการประมวลผลแบบใหม่ที่โอนถ่ายศูนย์กลางการทำงานไปที่ขอบของเครือข่าย (Edge Computing) ได้

คำตอบคือ การคิดให้กว้างขึ้นและเปิดกว้างมากขึ้น เพื่อจัดการการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของประสิทธิภาพของระบบโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน และระบบไอที ซึ่งถ้าอุตสาหกรรมสามารถออกแบบทั้งสามสิ่งนี้ได้อย่างครบถ้วนลงตัว จะทำให้เกิดประโยชน์และสามารถใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเปิดตัว EcoStruxure สถาปัตยกรรมและแพลตฟอร์มเพื่อการจัดการพลังงานล้ำยุค ซึ่งสามารถทำงานได้บนทุกแพลตฟอร์ม และยังเป็นโซลูชันที่ทุกอุตสาหกรรมต่างมองหา โดยตัวแพลตฟอร์มได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายของลูกค้าในการนำ IoT (Internet of things) โซลูชันเข้ามาใช้งาน และสามารถเพิ่มขีดความสามารถเพื่อรองรับการทำงานในอนาคต และด้วยความสามารถทำงานร่วมกับระบบ IoT นี่เอง จะช่วยให้อุตสาหกรรมต่างสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ และการดำเนินการด้านข้อมูลได้ในแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือ

นอกจากนี้ EcoStruxure ยังเป็นระบบเปิดที่สามารถทำงานร่วมกับระบบอื่นได้อีกมากมาย เช่น แอพพลิเคชัน ระบบประมวลผล บริการต่างๆ  Edge Computing และผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกัน โดยเชื่อว่าการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีระบบคลาวด์จะเป็นโอกาสใหม่ที่ท้าทายในการปรับปรุงประสิทธิภาพและเสถียรภาพของระบบ และเรายังมุ่งเน้นไปที่การเปิดกว้างและมองภาพรวมของระบบทั้งระบบ ตั้งแต่วางแผน ติดตั้ง และปฏิบัติงาน เพื่อให้ผู้ใช้งานได้สิ่งที่คุ้มค่าที่สุด

จากเรื่อง Christmas Story เครื่องถอดรหัสของ Ralphie สุดท้ายก็เป็นเรื่องหลอกๆ ของ บริษัทเครื่องดื่มชนิดหนึ่ง เพื่อการโฆษณา แต่ Ralphie ก็ได้รับสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ นั่นคือ ปืน Red Ryder BB ในเช้าวันคริสต์มาส

ดังนั้น ถึงแม้วันนี้จะไม่ได้เครื่องถอดรหัสคำสั่ง แต่ก็เชื่อว่า EcoStruxure จะช่วยสร้างประสิทธิภาพของระบบที่เพิ่มขึ้นอีก 80% ใน 10 ปีข้างหน้า