9 วิธี SAVE สายชาร์จ ให้ใช้ได้นานกว่าเดิม แบบไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย

จบทุกปัญหาสายชาร์จพังง่าย เสื่อมไว ต้องซื้อใหม่ทุกที กับวิธี SAVE สายชาร์จ ให้ใช้ได้นานกว่าเดิม แบบไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย แต่ถ้าไม่ไหวก็ซื้อใหม่เถอะ!
9 วิธี SAVE สายชาร์จ แบบง่ายๆ แต่ได้ผล
1. ไม่หักหรือพับสาย
ระวัง อย่าหักหรือพับสายชาร์จขณะเก็บเข้าที่ เพราะมีโอกาสเสี่ยงทำให้สายชาร์จหัก และขาดง่าย วิธีเก็บสายชาร์จที่ถูกต้องควรม้วนเก็บแบบหลวมๆ แล้วใช้ตัวล็อกติดที่สายแทน
2. อย่าเสียบทิ้งไว้
แบบนี้เลิกเหอะ พอชาร์จเสร็จแล้วก็สะบัดตูดดึงสายออก แล้วเสียสายคาไว้แบบเดิม เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุ เดินสะดุดหรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้
3. ระวังอย่าให้ที่ชาร์จเปียก
สายชาร์จควรเก็บให้ห่างจากละอองน้ำ ไม่ควรปล่อยเปียกน้ำ เปียกฝน หรือการใช้น้ำยาชุ่มๆ มาเช็ดทำความสะอาดก็ไม่ควรทำนะ
4. ไม่รัดสายแน่นเกินไป
ใครใช้วิธีเก็บสายชาร์จโดยใช้ยางหรือเชือกรัด ต้องระวังให้ดี เพราะไม่ควรรัดแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้สายหักในได้
5. ไม่เอาอะไรมาพันหรือติดที่สาย
เดี๋ยวนี้ฮิตมาก หลายคนชอบซื้อตุ๊กตุ่น เชือก หรือสติ๊กเกอร์มาประดับมาติดที่สายหรือหัวชาร์จเพิ่มความน่ารัก แต่หารู้ไม่ว่า อุปกรณ์ที่ทำงานด้วยไฟฟ้า และมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน หากไม่สามารถระบายความร้อนได้ดี นั่นหมายถึงความเสี่ยงทำให้เกิดความร้อนสะสม และอาจระเบิดได้
6. อย่าใช้งานขณะชาร์จแบต
เพราะการเล่นมือถือระหว่างชาร์จจะทำให้เครื่องทำงานหนักสังเกตได้จากเครื่องที่ร้อนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โอกาสเสี่ยงที่จะเกิดไฟกระชากและทำให้ที่ชาร์จเสียหาย เป็นไปได้สูง
7. ไม่กระตุกสายชาร์จ
การดึงที่ชาร์จออกจากเครื่องด้วยวิธีการกระตุกที่สาย เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้สายไฟหรือทองแดงด้านในขาด ทำให้ที่ชาร์จพัง ไฟดูด และช็อตเมื่อเสียบใช้งาน
8. อย่าเอาของหนักไปวางทับ
ใครชอบเก็บสายชาร์จยัดใส่ในกระเป๋าต้องระวังให้ดี เพราะหากเผลอเอาของหนักๆ ไปทับ แล้วจังหวะที่ดึงแรงๆ ก็มีโอกาสที่สายจะขาดหรือหักได้ ทางที่ดีควรเก็บในช่องแยก ใส่ในถุง หรือเก็บไว้ด้านบนแทน
9. เก็บเข้าที่ทุกครั้งหลังใช้งาน
ทำให้เป็นนิสัย หลังใช้สายชาร์จนหน่ำใจแล้วสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือ เก็บที่ชาร์จเข้าที่ อย่าวางทิ้งไว้ที่พื้น บนที่นอน โซฟา หรือเสียบคาอยู่ที่ปลั๊ก เพราะนอกจากจะเป็นอันตรายแล้ว โอกาสสูญหาย เวลาที่ต้องการใช้กลับหาไม่เจอซะงั้น