ในขั้นตอนการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป มีเศษผ้าที่เหลือทิ้งกว่าปีละ 3 แสนตันที่กลายเป็นกากอุตสาหกรรม สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผ้าเหลือเหล่านี้สามารถนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
innovation Impact พาไปดูเบื้องหลังนวัตกรที่สร้างแพลตฟอร์มจัดเก็บและทำฐานข้อมูลของผ้าจากกากอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะและสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างน่าสนใจ
อมรพล หุวะนันทน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มอร์ลูป จำกัด บอกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมสิ่งทอในทุกวันนี้ คือวิธีการผลิตที่เป็นแบบเส้นตรง ซึ่งเริ่มต้นจากการนำทรัพยากรมาผลิตสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคนำไปใช้งาน เมื่อสินค้าหมดอายุก็จะถูกทิ้งเป็นของเสีย ซึ่งสร้างปัญหาให้โลก
โจทย์คือทำอย่างไรที่จะช่วยแก้ปัญหาในระยะยาวได้ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “มอร์ลูป” ที่มองถึงโอกาสการนำเศษผ้าเหลือทิ้งกลับมาใช้ใหม่ เพื่อทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนสามารถเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลผ้าเหลือ จากประสบการณ์ของนักวิเคราะห์การเงินมาก่อน
“เริ่มต้นจากการพัฒนาระบบกลางที่สร้างฐานข้อมูลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ โดยรวบรวมผ้าเหลือจากทุกโรงงานเข้ามาอยู่ในระบบเพื่อติดตามแบบเรียลไทม์ ทั้งขั้นตอนการจัดส่ง และเช็คสต๊อกคงเหลือ เพื่อวางแผนการผลิต และช่วยลดปริมาณกากอุตสาหกรรมที่เหลือทิ้งเป็นขยะได้”
โรงงานสิ่งทอมีของเหลือตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต หรือ Dead Stock อยู่ประมาณ 350,000 ตันต่อปี เศษผ้าแต่ละชิ้นมีข้อมูลที่หลากหลาย ทั้งรหัสผ้า หน้ากว้างของผ้า ราคา น้ำหนัก และสี ชุดข้อมูลทั้งหมดถูกนำมากำหนดเป็นมาตรฐานในการจัดเก็บอย่างมีระบบ ซึ่งจะช่วยให้ง่ายต่อการเข้าถึง
ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในโปรแกรมตารางคำนวณ หรือ Excel ถูกนำมาเชื่อมข้อมูลให้สามารถเปลี่ยนเป็นการซื้อขายผ่านใบคำสั่งซื้อ และใบเสร็จรับเงิน โดยจะช่วยเรื่องบริหารจัดการได้ทันที อีกทั้งข้อมูลที่ถูกเก็บอย่างเป็นระบบจะช่วยให้ขยายฐานข้อมูลไปได้แบบไม่จำกัด
การสนับสนุนของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ทำให้มอร์ลูปมีฐานข้อมูลผ้าเหลือที่ใหญ่ที่สุดในตลาดดิจิทัลออนไลน์ สำหรับวัสดุเหลือจากการผลิตในระบบอุตสาหกรรม เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบให้กับลูกค้าที่ต้องการทำแบรนด์สินค้าสำหรับองค์กรในการทำชุดยูนิฟอร์มของธุรกิจบริการอย่างสปา หรือเอาเศษผ้าไปทำของชำร่วย
อมรพล บอกว่า นอกจากผ้าเหลือที่ถูกส่งต่อให้กับผู้ที่ต้องการแล้ว สิ่งที่มอร์ลูปเดินหน้าต่อคือ การผลิตสินค้าปลีกภายใต้แบรนด์ของตัวเอง ที่มีความหลากหลายภาย และเน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 100% ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง
“สินค้าที่ทำออกมาทั้งหมดสามารถสื่อสารออกไปได้ว่า ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเทียบเท่าเป็นการขับรถกี่กิโลเมตร เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้บริโภคซึ่งเรามองว่าเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น” เขากล่าว และบอกว่าโครงการนี้ช่วยลดปริมาณผ้าที่เป็นส่วนเกินไปได้ 100 ตันเทียบเป็นผ้าประมาณ 3 แสนหลา ที่ใช้ผลิตสินค้าไปแล้วมากกว่า 500,000 ชิ้น ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้ประมาณ 1.5 ล้านกิโลคาร์บอน เทียบเท่ากันขับรถประมาณ 300 รอบ
ในขณะที่อนาคต มอร์ลูปยังคงตั้งใจขยายตลาดออกไปให้ได้ประมาณ 5 เท่า รวมถึงมองหาความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล Big Data เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสต๊อกผ้าต่อไป
มาร่วมกันหาคำตอบว่า ผลงานนวัตกรรมจะเปลี่ยนโลกได้อย่างไรในรายการ Innovation Impact ได้ทาง PPTV HD 36 รายการโชว์ข่าวเช้านี้ เวลา 08.20 – 09.30 น. และช่องทางโซเชียลมีเดียของ Techhub