เปิดตัวอินเทล คอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 11 สุดยอดประสิทธิภาพการเล่นเกม และโอเวอร์คล็อกที่เหนือชั้น

วันนี้ อินเทลเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ ซีรีส์ S เจนเนอเรชั่นที่ 11 สำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป (ภายใต้โค้ดเนม “Rocket Lake-S”) พร้อมกันทั่วโลกนำโดยโปรเซสเซอร์รุ่นเรือธง Intel Core i9-11900K ที่เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 5.3GHz ด้วยคุณสมบัติ Intel® Thermal Velocity Boost[i] ทำให้สามารถส่งมอบประสิทธิภาพและยกระดับประสบการณ์แก่เหล่าเกมเมอร์และผู้หลงใหลในเทคโนโลยีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลได้อย่างแท้จริง

11th Gen Intel Core desktop processors (code-named “Rocket Lake-S”) deliver increased performance and speeds. Intel launched the processors on March 16, 2021. (Credit: Intel Corporation)

โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ ซีรีส์ S เจนเนอเรชั่นที่ 11 สร้างสรรค์ขึ้นจากสถาปัตยกรรม Cypress Cove แบบใหม่ โดยถูกออกแบบมาเพื่อพลิกโฉมประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ พร้อมทั้งยกระดับสมรรถนะการเล่นเกมได้อย่างสะใจ โดยสถาปัตยกรรมใหม่ดังกล่าวได้ปรับปรุง[ii]ให้สามารถรับชุดคำสั่งต่อรอบ (Instructions per cycle: IPC) เพิ่มสูงสุดได้ถึง 19% เทียบกับเจนเนอเรชั่นก่อนหน้า สำหรับคอร์ที่มีความถี่สูงสุด และเพิ่มกราฟิก Intel® UHD™ ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรมกราฟิก Intel® Xe เพื่อความสามารถด้านริชมีเดียและกราฟิกที่ชาญฉลาด ทั้งนี้ เนื่องจากเกมและแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ยังคงต้องพึ่งพาคอร์ประมวลผลที่มีความถี่สูง เพื่อขับเคลื่อนอัตราเฟรมที่สูงขึ้นและลดความหน่วงให้ต่ำลง

ออกแบบมาเพื่อเกม: ในโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป เจนเนอเรชั่นที่ 11 รุ่นใหม่นี้ อินเทลยังคงผลักดันขีดสมรรถนะของการเล่นเกมบนเดสก์ท็อป และส่งมอบประสบการณ์ที่สมจริงอันน่าทึ่งให้กับเกมเมอร์ทุกท่าน

โดยตัวผลิตภัณฑ์ในรุ่นบนสุดของโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่นที่ 11 คือรุ่น i9-11900K ซึ่งผสมผสานประสิทธิภาพเหนือชั้นด้วยความถี่สูงสุด 5.3GHz พร้อมจำนวนคอร์สูงถึง 8 คอร์ 16 เธรด และ Intel® Smart Cache จำนวน 16 MB นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป Intel Core เจนเนอเรชั่นที่ 11 ที่ปลดล็อกแล้ว สามารถรองรับหน่วยความจำความเร็วสูงด้วย DDR4-3200 เพื่อช่วยให้สามารถเล่นเกมได้ราบรื่นขึ้น และทำงานหลายอย่างพร้อมกันบนแพลตฟอร์มนี้ได้อย่างไม่มีสะดุด

โปรเซสเซอร์ Intel Core ในเจนเนอเรชั่นที่ 11 มีการปรับปรุงประสิทธิภาพดังนี้:

  • ปรับปรุงสมรรถนะเพิ่มสูงสุดถึง 19% เมื่อเทียบกับเจนเนอเรชั่นก่อนหน้า
  • เพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกในตัวสูงสุดถึง 50% ด้วยกราฟิก Intel UHD ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมกราฟิก Intel Xe[iii]
  • คุณสมบัติ Intel® Deep Learning Boost และรองรับ Vector Neural Network Instructions เพื่อเร่งการอนุมานของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพเวิร์กโหลดการเรียนรู้เชิงลึกได้อย่างมาก
  • ยกระดับเครื่องมือและคุณสมบัติการโอเวอร์คล็อก เพื่อประสิทธิภาพและประสบการณ์ในการโอเวอร์คล็อกและการปรับแต่งที่ยืดหยุ่น

ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับนักพัฒนาเกมชั้นนำกว่า 200 ราย อินเทลได้ปรับปรุงเพื่อประสิทธิภาพที่สูงสุดในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเกม เอ็นจิ้น มิดเดิลแวร์ และการเรนเดอร์ เพื่อให้แอปพลิเคชันต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ ซีรีส์ S เจนเนอเรชั่นที่ 11 ในการมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือชั้นและน่าตื่นเต้น

การปรับแต่งและความเสถียรที่เหนือชั้น: โปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป Intel Core เจนเนอเรชั่นที่ 11 นำเสนอเครื่องมือและคุณสมบัติใหม่ๆ ในการโอเวอร์คล็อกสำหรับการปรับแต่งที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้ได้ความเร็วและประสิทธิภาพของเกมที่เหนือกว่า โปรเซสเซอร์เจนเนอเรชั่นนี้ผนวกรวมคุณสมบัติในการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำแบบเรียลไทม์ ทำให้เปิดใช้การเปลี่ยนแปลงความถี่ DDR4 ได้เรียลไทม์ ขยายการรองรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำสำหรับชิปเซ็ต H570 และ B560 ทำให้ผู้ใช้งานอินเทลอีกหลายรายได้สัมผัสประสบการณ์โอเวอร์คล็อก และ Advanced Vector Extensions (AVX) 2 และ AVX-512 เพื่อการโอเวอร์ไรด์การ์ดแบนด์ (Guard-band override) ของแรงดันไฟฟ้า รวมถึงคอนโทรลเลอร์หน่วยความจำในตัวแบบใหม่หมดที่มี Timing ที่กว้างขึ้นและรองรับ Gear 2 (เพิ่มเติมจากการรองรับ Gear 1)

คุณสมบัติการใช้งานสื่อและสตรีมมิ่งที่ยาวนาน: โปรเซสเซอร์ Intel Core ซีรีส์ S เจนเนอเรชั่นที่ 11 มอบประสบการณ์ริชมีเดียที่สมบูรณ์ ตั้งแต่การเล่นเกมระดับ AAA ไปจนถึงการสตรีมมิ่งความละเอียดสูง พร้อมคุณสมบัติเพิ่มเติม ทั้งการรองรับ DDR4-3200 MHz, PCIe 4.0 จำนวน 20 เลน, Intel Quick Sync Video, สื่อขั้นสูง (ถอดรหัส AV1 10bit/High-efficiency video coding 12bit, ถอดรหัส End-to-end, และการบีบอัดแบบ End-to-end), การแสดงผลขั้นสูง (HDMI 2.0 ในตัว, HBR3) และรองรับ Intel® Thunderbolt™ 4± แบบแยก และ Intel Wi-Fi 6E

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป Intel® Core™ ซีรีส์ S เจนเนอเรชั่นที่ 11 สามารถดูได้ที่ 11th Gen Intel Core Desktop Processors Product Brief.

ข้อมูลเพิ่มเติม : 11th Gen Intel Core Desktop (Press Kit) | Tech Minute: Intel’s Rocket Lake-S in 60 seconds (Video) | Introducing the New 11th Gen Intel Core Desktop Processors (Product Brief) | 11th Gen Intel Core Desktop Processors SKU Tables (PDF)

หมายเหตุ

ประสิทธิภาพแตกต่างกันไปตามการใช้งาน การกำหนดค่า และปัจจัยอื่นๆ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.Intel.com/PerformanceIndex

ผลของประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับการทดสอบ ณ วันที่แสดงไว้ในการกำหนดค่า ซึ่งอาจไม่สะท้อนการปรับปรุงต่างๆ ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะทั้งหมด สามารถดูรายละเอียดการกำหนดค่าต่างๆ ได้ที่ดัชนีประสิทธิภาพ ไม่มีผลิตภัณฑ์หรือส่วนประกอบใดที่ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์

ค่าใช้จ่ายและผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างกัน

เทคโนโลยีของอินเทลอาจต้องเปิดใช้งานฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือการเปิดใช้งานบริการอื่นๆ เสริม

การเปลี่ยนแปลงความถี่ของสัญญาณคล็อกหรือค่าแรงดันไฟฟ้าอาจทำให้การรับประกันผลิตภัณฑ์ใดๆ เป็นโมฆะ รวมถึงลดเสถียรภาพ ความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และอายุการใช้งานของโปรเซสเซอร์และส่วนประกอบอื่นๆ ผู้ใช้งานควรตรวจสอบกับผู้ผลิตระบบและส่วนประกอบเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

[i] Intel® Thermal Velocity Boost (Intel® TVB) คือฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการยกระดับความถี่สัญญาณคล็อกโดยอัตโนมัติ ที่เหนือกว่าความถี่เทคโนโลยีแบบคอร์เดี่ยวและมัลติคอร์ของ Intel® Turbo Boost โดยขึ้นอยู่กับการทำงานของโปรเซสเซอร์ที่ยังอยู่ภายใต้อุณหภูมิสูงสุด และยังคงมีกำลังงานเทอร์โบเหลืออยู่ โดยระดับความถี่สัญญาณที่สูงขึ้นและระยะเวลาการใช้งานจะขึ้นอยู่กับปริมาณงาน ความสามารถของโปรเซสเซอร์ และโซลูชันการระบายความร้อนของโปรเซสเซอร์

[ii] การปรับปรุงประสิทธิภาพ IPC สูงสุด 19% (Gen over gen) – ที่มา: ค่าประมาณของอินเทล ณ เดือนมกราคม 2564 จากการวัดค่าบนแพลตฟอร์มอ้างอิงภายในของอินเทล โดยใช้ SPEC CPU 2017 1-copy rate บน 11th Gen Intel® Core™ i9-11900K เทียบกับ 10th Gen Intel® Core™ i9-10900K (โดยแต่ละอันทำงานที่ค่าความถี่คงที่เท่ากัน)

[iii] เพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกในตัวสูงสุดถึง 50% (Gen over gen) – จากการวัดค่าคะแนนกราฟฟิกโดยโปรแกรม 3DMark – Fire Strike ผลลัพธ์โดยจะขึ้นอยู่กับการวัดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 และอาจไม่สะท้อนการปรับปรุงความปลอดภัยต่างๆ ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะทั้งหมด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้จากการเปิดเผยการกำหนดค่า