James Dyson Award เปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการแล้ว ครั้งแรกในประเทศไทย! พร้อมสนับสนุนนักออกแบบรุ่นใหม่ ด้วยเงินรางวัลกว่า 2 แสนบาท

หากคุณมีไอเดียสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เริ่มต้นอาชีพของคุณด้วยโอกาสระดับโลกได้ที่ James Dyson Award เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย เงินรางวัลสำหรับผู้ชนะมูลค่า 222,000 บาท สมัครได้ที่เว็บไซต์ James Dyson Award

การประกวดแข่งขันออกแบบนวัตกรรมระดับนานาชาติ James Dyson Award ที่จัดโดย James Dyson Foundation ได้เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และเปิดรับผลงานจากนักประดิษฐ์รุ่นใหม่แล้ววันนี้ หลังจากได้รับการตอบรับอย่างดีจากเยาวชนจากหลายประเทศทั่วโลก ที่ร่วมส่งผลงานในการแข่งขันในปีที่ผ่านมา ในปี พ.ศ. 2565 นี้ก็ถึงเวลาของเยาวชนไทยที่จะได้รับโอกาสในการแสดงผลงานด้านวิศวกรรมและการออกแบบสู่สายตาโลกผ่านการประกวดออกแบบนวัตกรรม James Dyson Award ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยผู้ชนะระดับชาติจะได้รับรางวัลจำนวน 222,000 บาทและมีสิทธิในการชิงรางวัลระดับนานาชาติที่มีรางวัลจำนวนถึง 1,330,000 บาท โดยเปิดรับผลงานแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ผ่านเว็บไซต์ jamesdysonaward.org

รับชมวิดีโอเกี่ยวกับ James Dyson Award จาก James Dyson ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าวิศวกร Dyson ได้ที่นี

ซึ่งโดยการประกวดแข่งขันออกแบบนวัตกรรม James Dyson Award ได้จัดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 และค้นหาไอเดียสดใหม่ของนักศึกษาและบัณฑิตจบใหม่จากคณะวิศวกรรมและคณะด้านการออกแบบด้วยโจทย์เดิมมาตลอด 17 ปีนั่นก็คือ “ออกแบบอะไรก็ได้ที่แก้ไขปัญหา” และด้วยโจทย์ที่เปิดกว้างทางความคิดเช่นนี้เอง ทำให้เราได้เห็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นจากปัญหาในระดับโลกมากมาย โดยผู้ชนะในปีที่ผ่านๆ มาได้นำเสนอสิ่งประดิษฐ์ที่แก้ไขปัญหาที่น่าทึ่ง ตั้งแต่แก้ไขปัญหาการเข้าถึงการรีไซเคิลพลาสติก แก้ปัญหาเลือดออกจากแผลมีดบาด และพัฒนาการตรวจโรคต่างๆ ได้เองที่บ้าน โดยรางวัลในระดับนานาชาตินั้นจะถูกคัดเลือกโดย James Dyson โดยตรง ผู้ชนะการประกวดครั้งนี้จะได้รางวัลเป็นเงินทุนและยังได้รับโอกาสการประชาสัมพันธ์ผลงานในระดับโลก ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการนำไอเดียไปต่อยอดทางธุรกิจ

James Dyson ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าทีมวิศวกร Dyson กล่าวว่า ความสำคัญของรางวัล James Dyson Award คือการแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาด และส่งเสริมให้นักประดิษฐ์และออกแบบรุ่นใหม่ได้ตั้งคำถามและท้าทายกับสิ่งต่างๆ ผมเชื่อว่าคนรุ่นใหม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้และมันเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน เพราะโลกในอนาคตคือโลกของพวกเขา รางวัลนี้จะให้ความั่นใจและพื้นที่สำหรับการแก้ปัญหา ซึ่ง 70% ของผู้ชนะในระดับนานาชาติที่ผ่านมาได้สานต่อโครงการและต่อยอดสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาในทางธุรกิจด้วย ผมตื่นเต้นมากที่ในปีนี้เราจะเปิดตัว James Dyson Award ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และผมตั้งตารอดูผลงานที่จะเปลี่ยนโลกจากนักประดิษฐ์เยาวชนไทย ขอให้ทุกคนโชคดี

รางวัลของผู้ชนะ James Dyson Award

  1. เงินรางวัล: ผู้ชนะระดับชาติจะได้รับเงินรางวัลจำนวน 222,000 บาท และผู้ชนะรางวัลระดับนานาชาติจะได้รับเงินรางวัลจำนวน 1,330,000 บาท เพื่อใช้เป็นทุนในการสานต่อและต่อยอดสิ่งประดิษฐ์ต่อไปในอนาคต
  2. ได้รับการประชาสัมพันธ์ผลงาน: การชนะรางวัล James Dyson Award จะทำให้ผลงานเป็นที่สนใจของสื่อมวลชน สาธารณะชน และผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิศวกรรมและการออกแบบ ที่จะช่วยเปิดโอกาสในการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ในอนาคต
  3. ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนนักประดิษฐ์: ในปีนี้ James Dyson Award ได้เปิดตัวเครือข่ายผู้ชนะการประกวดขึ้น โดยจะจัดกิจกรรมและโอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการนำสิ่งประดิษฐไปต่อยอดทางธุรกิจหรือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จำนวนสิ่งประดิษฐ์จากผู้เข้าแข่งขันทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นจนทำลายสถิติ และด้วยวิสัยทัศน์ที่เห็นถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมในการอนาคต James Dyson ได้เลือกผู้ชนะรางวัลระดับนานาชาติถึง 3 รางวัลเป็นครั้งแรกในปี 2564 ที่ผ่านมาโดยแต่ละรางวัลจะได้เงินรางวัลจำนวน 1,330,000 เช่นกัน

ในปีนี้จะมีการเลือกผู้ชนะรางวัลระดับนานาชาติเช่นเดิม แต่ก่อนจะถึงการแข่งขันในระดับนานาชาติ แต่ละประเทศจะทำการคัดเลือกผู้ชนะในระดับชาติ และรางวัลรองชนะเลิศอีก 2 รางวัล โดยคณะกรรมการที่ทำการคัดเลือกผู้ชนะจะมาจากผู้เชียวชาญในแต่ละประเทศและวิศวกรจาก Dyson โดยในปี พ.ศ. 2565 นี้ James Dyson Award ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกใน 2 ประเทศนั่นก็คือประเทศตุรกี และ ประเทศไทย

สำหรับผู้ที่ชนะรางวัลระดับชาติจะได้รับเลือกให้ลงแข่งในระดับนานาชาติโดยอัตโนมัติ โดย James Dyson จะเป็นผู้คัดเลือกผู้ชนะในระดับนานาชาติด้วยตัวเอง

โดยสิ่งที่วิศวกรจาก Dyson มองหาในสิ่งประดิษฐ์จากการแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับแค่ผลกระทบของปัญหาเป็นส่วนหลัก แต่เป็นคุณค่าของสิ่งประดิษฐ์นั้น รวมถึงการทำงานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพของสิ่งประดิษฐ์นั้นด้วย สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมจาก Peter Gammack รองประธานฝ่ายนวัตกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่จาก Dyson ผู้ทำหน้าที่หนึ่งในคณะกรรมการระดับนานาชาติของ James Dyson Award มาอย่างยาวนานได้ที่เว็บไซต์ Dyson Newsroom

โอกาสที่ได้จาก James Dyson Award

การแข่งขันได้มอบโอกาสในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อนานาชาติแก่นักประดิษฐ์ ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนเพื่อต่อยอดและพัฒนาสิ่งประดิษฐ์

mOm incubators จากผู้ชนะระดับนานาชาติปี 2014 ผลงานที่เพิ่มตัวเลือกในการดูแลเด็กแรกเกิด หลังจากทดสอบการใช้งานเสร็จสิ้น ขณะนี้ mOm ได้ใช้งานในองค์กร UK NHS trust สามแห่งและได้ช่วยชีวิตทารกกว่า 20 ชีวิต โดยมีแผนการพัฒนา mOm ไปสู่การใช้งานในระดับโลกเพื่อช่วยอัตรการเข้าถึกการดูแลทารกทั่วโลก และในปี 2017 ผู้ชนะรางวัลรองชนะเลิศจากสหรัฐอเมริกา

SoaPen สบู่ในรูปแบบปากกาสีสันสดใสที่กระตุ้นการล้างมือได้พัฒนาผลงานสู่การดำเนินธุรกิจและติดอันดับ Forbes 30 Under 30 Lists และได้จำหน่ายสินค้าทั่วทวีปอเมริกาและล่าสุดได้ผลิตเจลล้างมือเพื่อตอบรับความต้องการของตลาดในช่วงการระบาดของโรค COVID-19

Rabbit Ray ผู้ชนะรางวัลรองชนะเลิศระดับชาติ จากสิงคโปร์ เครื่องมือสื่อสารสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ช่วยอธิบายขั้นตอนทางการแพทย์แก่เด็ก โดยเจ้าของสิ่งประดิษฐ์ Esther Wang ได้ก่อตั้งบริษัทด้านสุขภาพและการศึกษาที่ชนะรางวัลอย่างบริษัท Joytingle โดยสิ่งประดิษฐ์ของเธอสามารถช่วยอธิบายได้ตั้งแต่การฉีดวัคซีนจนไปถึงการรักษาด้วยคีโม

สามารถค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมได้ในช่องทางของ James Dyson Award

Website: https://www.jamesdysonaward.org/

Instagram: @jamesdysonaward

Newsroom:https://www.dyson.co.uk/newsroom/overview/news/march-2022/2022-james-dyson-award-open-for-entries

ข้อมูลเพิ่มเติม

The James Dyson Foundation

James Dyson Award เป็นการสานต่อเจตนารมย์ของ James Dyson ในการแสดงถึงอิทธิพลของศาสตร์แห่งวิศวกรรมที่สามารถเปลี่ยนโลกได้  โดยที่ผ่านมา James Dyson Award ได้สนับสนุนสิ่งประดิษฐ์กว่า 258 ชิ้นด้วยเงินรางวัล โดยการแข่งขันนี้จัดขึ้นและดำเนินการโดย James Dyson Foundation มูลนิธิด้านการศึกษาและวิศวกรรมที่สนับสนุนโดย Dyson

สถาบันวิศวกรรมและเทคโนโลยี Dyson ร่วมกับ James Dyson Foundation ทำงานเพื่อสนับสนุนวิศวกรและนักแก้ปัญหาในการนำความรู้ความสามารถในการค้นคว้าหนทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านเทคโนโลยี จนถึงวันนี้ James Dyson Foundation ได้ลงทุนจำนวน 140 ล้านปอนด์ในการสนับสนุนด้านการศึกษาและงานการกุศล

สามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับมูลนิธิได้ทาง website, Instagram, Twitter และ YouTube.

ผู้ชนะในปีที่ผ่านมา

เครื่องมือตรวจแรงดันในลูกตาที่สามารถช่วยตรวจโรคต้อหินที่สามารถทำได้ที่บ้านและไม่เจ็บปวด, ผลงานโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS)

เครื่องมือราคาย่อมเยา ที่สามารถตรวจสอบชนิดของพลาสติกเพื่อการรีไซเคิล, ผลงานโดย Jerry de Vos จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี Delft (TU Delft)

เครื่องมือที่ช่วยหยุดการไหลของเลือดเพื่อช่วยเหยื่อจากการถูกแทง, ผลงานโดย Joseph Bentley จากมหาวิทยาลัยลัฟบะระ (Loughborough university)

ผลงานโดย Judit Giró Benet อายุ 23 ปี, Blue Box คือวิธีตรวจสอบมะเร็งเต้านมแบบใหม่ที่ทำได้ที่บ้าน โดยใช้ตัวอย่างปัสสาวะและ AI algorithm

ผลงานโดย Carvey Ehren Maigue อายุ 27 ปี, AuREUS คือวัสดุชนิดใหม่ที่ทำจากขยะทางเกษตรกรรมที่สามารถเปลี่ยนแสง UV ให้กลายเป็นพลังงานได้

เกี่ยวกับการแข่งขัน

โจทย์การแข่งขัน

“ออกแบบอะไรก็ได้ที่แก้ไขปัญหา” โดยปัญหาเหล่านั้นอาจเป็นแค่ปัญหาที่รบกวนจิตใจในชีวิตประจำวันหรือจะเป็นปัญหาในระดับโลกก็ได้ สิ่งสำคัญคือสิ่งประดิษฐ์นั้นจะต้องสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะท้อนแนวคิดในการออกแบบที่มีเหตุผล

การตัดสิน

ผู้เข้าประกวดจะถูกตัดสินในระดับชาติที่ประกอบด้วยวิศวกรจาก Dyson และผู้เชียวชาญจากภายนอก ในแต่ละประเทศจะมีการคัดเลือกผู้ชนะระดับชาติ และรองชนะเลิศ 2 รางวัล โดยผู้ชนะของแต่ละประเทศจะถูกตัดสินโดยคณะกรรมการวิศวกรของ Dyson ในการเลือกผู้เข้าชิง 20 ทีมเพื่อลงแข่งขันในระดับนานาชาติ และท้ายที่สุด James Dyson จะเป็นคนเลือกรางวัลชนะเลิศด้วยตัวเอง

รางวัล

  • รางวัลชนะเลิศระดับนานาชาติ ที่เลือกโดย James Dyson, เงินรางวัลจำนาน 1,330,000 บาท
  • รางวัลรองชนะเลิศระดับนานาชาติ เงินรางวัลมูลค่า 220,000 บาท
  • รางวัลชนะเลิศระดับชาติ เงินรางวัลมูลค่า 220,000 บาท

หมดเขตรับสมัคร: วันที่ 6 กรกฎาคม 2565

ขั้นตอนการสมัคร

ผู้เข้าแข่งขันสมัครประกวดแข่งขันผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ภายในเว็บไซต์ James Dyson Award

โดยผู้เข้าแข่งขันต้องอธิบายว่าสิ่งประดิษฐ์นั้นคืออะไร วิธีการทำงานเป็นอย่างไร และกระบวนการพัฒนาสิงประดิษฐ์นั้นๆ โดยสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับการตอบรับดีจะต้องแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ได้จริง และต้องสามารถอธิบายถึงที่มาที่ไปได้อย่างชัดเจน พร้อมแสดงกระบวนการทดลองและพัฒนา และแสดงหลักฐานในการพัฒนาต้นแบบในรูปแบบภาพและวิดีโอ

*กรรมการจะพิจารณาข้อจำกัดในการสร้างต้นแบบสิ่งประดิษฐ์อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19*

เกณฑ์ผู้เข้าแข่งขัน

ผู้เข้าแข่งขันต้องกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมการแข่งขัน James Dyson Award หรือจบการศึกษาเป็นระยะเวลาไม่เกิน 4 ปีในคณะวิศวกรรม หรือคณะด้านการออกแบบ

ในกรณีที่เข้าแข่งเป็นทีม สมาชิกในทีมทุกคนจะต้องศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมแข่งขัน James Dyson Award หรือจบการศึกษาไม่เกิน 4 ปี โดยต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 1 คนที่ศึกษาหรือจบการศึกษาไม่เกิน 4 ปีจากคณะวิศวกรรมหรือคณะด้านการออกแบบ

สามารถค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม และคำถามที่พบบ่อยได้ที่เว็บไซต์ James Dyson Award