งานวิจัยใหม่เผยโอกาสทางเศรษฐกิจมูลค่า 130,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และวางกรอบนโยบายเพื่อเร่งความเป็นผู้นำดิจิทัลระดับภูมิภาคภายในปี 2573
Lee Kuan Yew School of Public Policy (LKYSPP) เผยแพร่รายงานวิจัยฉบับใหม่ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าถึงวิธีที่อาเซียนจะสามารถใช้ประโยชน์จากการผสานรวมเทคโนโลยี 5G และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ การศึกษาภายใต้หัวข้อ “การใช้ประโยชน์จาก 5G เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในอาเซียน: ความจำเป็น ข้อมูลเชิงลึกด้านนโยบาย และข้อเสนอแนะ” (Leveraging 5G to Accelerate AI-Driven Transformation in ASEAN: Imperatives, Policy Insights, and Recommendations)” ได้นำเสนอกลยุทธ์ที่นำไปปฏิบัติได้จริงแก่ผู้กำหนดนโยบาย เพื่อปลดล็อกศักยภาพทางดิจิทัลของภูมิภาคนี้
อาเซียนกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญแห่งโอกาส งานวิจัยเผยว่าเพียงแค่ 5G ก็คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ถึง 130,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 ทว่าการนำ 5G มาใช้ยังคงไม่สม่ำเสมอทั่วทั้งภูมิภาค โดยมีอัตราการเข้าถึงตั้งแต่ 48.3% ในสิงคโปร์ ไปจนถึงน้อยกว่า 1% ในหลายประเทศสมาชิกอาเซียน หากปราศจากการร่วมมือกัน ความเหลื่อมล้ำเหล่านี้อาจยิ่งทำให้ช่องว่างทางดิจิทัลกว้างขึ้น และบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคได้ อาเซียนอาจถูกทิ้งห่าง ในขณะที่ภูมิภาคอื่นเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล
“การรวมกันของ 5G และ AI เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรม ที่ขับเคลื่อนการผลิตอัจฉริยะ การเกษตรแม่นยำ และระบบขนส่งอัตโนมัติ แต่อาเซียนไม่สามารถรอได้ โอกาสในการสร้างความเป็นผู้นำระดับภูมิภาคในการเชื่อมต่ออัจฉริยะกำลังจะหมดลงอย่างรวดเร็ว” ศาสตราจารย์ หวู มินห์ ควง จาก LKYSPP กล่าว “รายงานของเราเป็นเหมือนแผนที่นำทางให้ผู้กำหนดนโยบายในอาเซียนได้เข้าใจและรับมือกับความซับซ้อนของการผสานรวม 5G และ AI และถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องลงมือทำอย่างเด็ดขาด เราจำเป็นต้องวางกลยุทธ์ที่สอดประสานกันเพื่อเร่งสร้างความเป็นผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะในระดับภูมิภาค เพื่อให้อาเซียนก้าวข้ามการพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป สู่การเป็นผู้นำดิจิทัลที่พลิกโฉมอย่างแท้จริง“
การศึกษาของ LKYSPP ที่ได้จากการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก และการสำรวจผู้เชี่ยวชาญกว่า 400 คนใน 8 ประเทศอาเซียน ได้ชี้ให้เห็นถึง 10 ประเด็นสำคัญที่จำเป็นเร่งด่วน เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง 5G-AI โดยเริ่มจากการสร้างความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่กำลังชะลอความก้าวหน้าของภูมิภาค รัฐบาลอาเซียนควรตระหนักว่า 5G เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน AI ไม่ใช่แค่การยกระดับระบบโทรคมนาคมเท่านั้น พร้อมกันนี้ก็ต้องเร่งแก้ไขปัญหาช่องว่างด้านทักษะที่กำลังเป็นอุปสรรคต่อการนำเทคโนโลยีไปใช้ในองค์กรต่างๆ ทั่วทั้งภูมิภาค
เพื่อให้อาเซียนสามารถรักษาอนาคตทางดิจิทัลไว้ได้ รายงานฉบับนี้จึงได้เสนอแนะลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ 5 ประการ ดังต่อไปนี้
- การวางแผนกลยุทธ์ระดับชาติสำหรับการพัฒนา 5G และ AI พร้อมแผนงานที่ชัดเจนสำหรับปี 2568-2573
- การจัดตั้งหน่วยงานประสานงานที่มีอำนาจในประเทศสมาชิกอาเซียน
- การใช้นโยบายด้านคลื่นความถี่ที่มองการณ์ไกล เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงและกระตุ้นนวัตกรรม
- การส่งเสริมระบบนิเวศที่ขับเคลื่อนด้วย AI ผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
- การนำกรอบการตรวจสอบที่แข็งแกร่งมาใช้ เพื่อติดตามความคืบหน้าและปรับปรุงแนวทางปฏิบัติได้ทันท่วงที
รายงานของ LKYSPP เน้นย้ำว่า การนำเทคโนโลยี 5G ไปใช้ในภาคธุรกิจและองค์กรต่างๆ คือหัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนผลกระทบทางเศรษฐกิจของ 5G ให้เกิดขึ้นจริง เมื่อพิจารณาภาพรวมทั่วทั้งภูมิภาค เราจะเห็นศักยภาพอันมหาศาลและตัวอย่างความสำเร็จที่โดดเด่นมากมาย เช่น ท่าเรืออัจฉริยะของสิงคโปร์ที่ใช้ 5G ช่วยลดความล่าช้าได้ถึงครึ่งหนึ่ง ประเทศไทยได้นำระบบจัดการภัยพิบัติที่เสริมด้วย AI มาใช้ และรูปแบบเครือข่ายค้าส่งของมาเลเซียก็ครอบคลุมประชากรถึง 82% ตัวอย่างเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงพลังของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เมื่อมีการนำกลยุทธ์ที่ประสานงานกันมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตามรายงานการวิจัยของ LKYSPP ระบุว่า เครือข่าย 5G ส่วนตัว เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ อุตสาหกรรม 4.0 ในขณะเดียวกัน Fixed Wireless Access (FWA) ก็เป็นทางออกที่น่าสนใจในการเชื่อมโยงช่องว่างการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลที่ยังขาดการบริการ นอกจากนี้ รายงานยังชี้ให้เห็นว่า การวางรากฐาน 5G ในวันนี้ ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนา 6G ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2573 ดังนั้น การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในปัจจุบันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคในอนาคต
เมื่อมองไปในอนาคต การศึกษานี้คาดการณ์ว่าอาเซียนจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในยุคที่ขับเคลื่อนด้วย 5G และ AI ซึ่งจะทำให้องค์กรต่างๆ สามารถขยายธุรกิจไปทั่วโลกผ่านการผลิตอัจฉริยะ เกษตรกรจะเพิ่มผลผลิตได้ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจาก AI และนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลก็จะมีโอกาสเข้าถึงแพลตฟอร์มการศึกษาที่สมจริงได้ การจะทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริงได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยการลงมือทำอย่างกล้าหาญและประสานงานกัน การวางแผนเชิงกลยุทธ์อย่างรอบคอบ และความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล
สามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับสมบูรณ์ความยาว 148 หน้า และบทสรุปสำหรับผู้บริหารได้แล้ว ผลการวิจัยนี้ไม่เพียงแต่เป็นแนวทางเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้กำหนดนโยบายเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนเสียงเรียกร้องให้สถาบันต่างๆ ในภูมิภาคเร่งดำเนินการเพื่อคว้าโอกาสจาก 5G และ AI เพื่อร่วมกันกำหนดอนาคตดิจิทัลที่สดใสสำหรับพลเมืองอาเซียนกว่า 700 ล้านคน