Mark Zuckerberg, CEO ของ Meta ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญเกี่ยวกับทิศทางของ ปัญญาประดิษฐ์ โดยประกาศเป้าหมายในการสร้าง Superintelligence ส่วนบุคคล หรือ AI สุดอัจฉริยะที่จะเป็นเครื่องมือทรงพลังสำหรับทุกคน แทนที่จะเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาแย่งงานมนุษย์เป็นวงกว้าง
Zuckerberg มองว่า อนาคตของ AI ควรจะช่วยให้ผู้คนสามารถ บรรลุเป้าหมาย สร้างสรรค์สิ่งที่อยากเห็นในโลก เป็นเพื่อนที่ดีขึ้น และเติบโตเป็นคนที่ตัวเองอยากจะเป็นได้
Zuckerberg ได้เปรียบเทียบกลยุทธ์ของ Meta กับบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ โดยชี้ว่า ในขณะที่บางบริษัทมองว่า Superintelligence คือเครื่องมือสำหรับทำงานแทนที่มนุษย์ขนานใหญ่ แล้วค่อยแบ่งปันผลประโยชน์ให้สังคมในภาพรวม
แต่ Meta มีเป้าหมายที่แตกต่างออกไป นั่นคือการใช้ AI เสริมพลังให้ผู้คน (Empowerment) และเพิ่มขีดความสามารถส่วนบุคคลเป็นหลัก
“เขาเชื่อมั่นในหลักการที่ว่า “การสร้างสังคมที่เสรี คือการมอบพลังให้ผู้คนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ซึ่งครั้งนี้ พี่มาร์ค แก้ไม่ได้มาเล่น ๆ นะ Meta เพราะได้ทุ่มทุนมหาศาลเร่งเครื่องสู้ศึก AI แม้จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่ Meta ได้แสดงความจริงจังผ่านการกระทำที่เป็นรูปธรรมทั้ง
1.ลงทุน $14,300 ล้านดอลลาร์ ในบริษัท Scale AI เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
2.ดึงตัว Alexandr Wang, CEO ของ Scale AI มาเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่าย AI เพื่อนำทัพ Meta Superintelligence Labs ที่ตั้งขึ้นใหม่
3.ดึงตัววิศวกรและนักวิจัยระดับหัวกะทิ จากคู่แข่งสำคัญอย่าง OpenAI, Google และ Anthropic
การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในขณะที่ผู้คนเริ่มใช้ AI ส่วนบุคคล มากขึ้น โดยผลสำรวจจาก Elon University พบว่า กว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามใช้ AI Chatbot เพื่อเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงาน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีในอนาคต
Zuckerberg ยอมรับว่าการเดินทางสู่ Superintelligence นี้ต้องใช้ต้นทุนมหาศาล โดยคาดการณ์ว่าอาจสูงถึงหลายแสนล้านดอลลาร์ และยังมาพร้อมกับความท้าทายด้านความปลอดภัยใหม่ๆ ที่ต้องจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มงวด
แน่นอนว่า หลายคนอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบโปรเจกต์นี้กับ Metaverse ที่เคยทำให้บริษัทขาดทุนอย่างหนัก แต่ Zuckerberg ยังคงมั่นใจ และชี้ว่าทศวรรษนี้จะเป็นช่วงเวลาตัดสินว่า อนาคต AI จะเดินไปในทิศทางใด ระหว่างการเป็นเครื่องมือเสริมพลังให้ผู้คน หรือเป็นพลังที่เข้ามาแทนที่สังคมในวงกว้าง ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องจับตากันต่อไปครับ
ที่มา
