นวัตกรรมเปลี่ยนโลก World-Changing Innovation

การผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ประเทศผู้นำด้านนวัตกรรมระดับโลกไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยหลายองค์ประกอบสำคัญในการที่จะขับเคลื่อนไป สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ในฐานะผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม (Focal Conductor) พร้อมเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ชาตินวัตกรรมซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโจทย์ท้าทายที่ต้องเดินไปให้ถึง

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA  กล่าวว่า สถานการณ์ในประเทศไทยตอนนี้ธุรกิจนวัตกรรมมีโอกาสรอดและเติบโตในตัวเศรษฐกิจค่อนข้างจะกว้าง จะเห็นได้ว่าธุรกิจหลายๆ ตัว ถ้าไม่มีจุดเด่น หรือไม่มีนวัตกรรมหรืออัตลักษณ์ของตัวเองก็จะตายออกไปจากตลาด ในยุคที่ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดความต้องการของสินค้าและบริการ ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการเองจะต้องจับเทรนด์ทิศทางให้ได้

ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมอาหารที่เน้นผลิตเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาสนใจ อาหารสำหรับเด็ก อาหารสำหรับผู้ป่วย อาหารสำหรับผู้สูงวัย (Aging Society) เกิดเป็นตลาดรายย่อยที่มีนวัตกรรมเข้ามาช่วยตอบโจทย์ ทำให้สินค้าบริการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

นวัตกรรมที่เกิดขึ้น หลายๆ ตัวมี Impactful คือมีผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และเกิดการขยายในวงกว้าง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่เราอยากเห็นนวัตกรรมแบบนี้ในประเทศไทยที่มากขึ้น” ดร.กริชผกา กล่าว

นวัตกรรมอย่าง พร้อมเพย์ นับเป็นหนึ่งในนวัตกรรมภาครัฐโดยกระทรวงการคลัง ที่ส่งผลให้เกิดผลกระทบในวงกว้างต่อภาคประชาชน เปลี่ยนสู่สังคมไร้เงินสด หรือ Cashless Society ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากนวัตกรรม

ในมุมของเอกชน จะเห็นความสำเร็จของบริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า มูฟมี (MuvMi) ที่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปราศจากการปล่อยก๊าซ CO2 รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มบริการจองเวลาวิ่งตามเส้นขยายออกไปหลากหลายเส้นทาง ซึ่งปัจจุบันได้ขยายการลงทุนร่วมกับ บ้านปู เน็กซ์ (Banpu NEXT) ทำให้มูฟมี กลายเป็นตุ๊กๆ ไฟฟ้าสัญชาติไทยที่สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมได้วงกว้าง สร้าง Impactful innovation ได้เช่นเดียวกัน

ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA  กล่าวว่า บทบาทสำคัญของ NIA คือการเป็น ผู้กำหนดทิศทางของนวัตกรรม หรือ Focal Conductor ทั้งในเรื่องเชิงนโยบายขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นชาตินวัตกรรม การส่งเสริมผู้ประกอบการในกลุ่ม 3S คือ SMEs , Startup และ Social Enterprise โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเกษตร อาหาร การแพทย์และสุขภาพ พลังงานและสิ่งแวดล้อม ท่องเที่ยวและซอฟต์พาวเวอร์

ผ่านแนวคิด 4 G ได้แก่ “Groom” ที่เน้นบ่มเพาะและเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรมไทย “Grant” กลไกสนับสนุนเงินทุนที่เน้นการพัฒนาและขยายผลธุรกิจนวัตกรรมไปสู่ตลาด “Growth” การเร่งสร้างการเติบโตให้ธุรกิจนวัตกรรมทั้งในสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีไทย และ “Global” การส่งเสริมผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยสู่ตลาดสากล เพื่อขับเคลื่อนระบบนวัตกรรมของไทยให้มีความเข้มแข็งและเปิดกว้าง เพื่อให้เกิดการสร้าง Impactful innovation ขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและขยายต่อไปยังตลาดต่างประเทศได้


ดร.กริชผกา กล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกคนมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ระบบนิเวศนวัตกรรมไทยมีความแข็งแกร่ง และช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ชาตินวัตกรรมได้ โดยอาศัยศักยภาพทั้งด้านการวิจัยและพัฒนาและผู้ประกอบการนวัตกรรมที่ร่วมกันสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรม รวมถึงนักลงทุนด้านนวัตกรรม และสตาร์ทอัพหลายรายที่ประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแรงสนับสนุนของประชาชนคนไทย ในการใช้สินค้านวัตกรรมฝีมือคนไทย เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต และทำให้เกิดการขยายตัวไปในวงกว้าง สร้างเป็นสินค้าเรือธง ปักธงชาติประเทศไทยให้สู่เวทีสากล

พวกเราทุกคนสามารถร่วมกันสร้าง Impactful innovation ให้ประเทศไทยเป็นชาตินวัตกรรมไปด้วยกัน” ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA กล่าว