OpenAI เดินหน้าเซ็นสัญญากลาโหมสหรัฐฯ พัฒนา AI เพื่อความมั่นคง

[ลมเปลี่ยนทิศ] ย้อนกลับไปปีที่แล้ว OpenAI เคยประกาศห้ามใช้เทคโนโลยีของตน ไปใช้ในปฏิบัติการทางทหาร กลับมาปัจจุบัน OpenAI เซ็นสัญญา 200 ล้านดอลลาร์ฯ กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อพัฒนา AI ขั้นสูงที่เน้นความมั่นคงของชาติ แต่ยังคงห้ามนำ AI ไปใช้เป็นอาวุธโดยตรง

ดูเหมือนเส้นแบ่งระหว่างเทคโนโลยี AI สำหรับพลเรือนและสำหรับกิจการทหาร กำลังจางลงอย่างรวดเร็ว หลังการตัดสินใจของ OpenAI ที่อาจเร่งให้เกิดการถกเถียงทางจริยธรรม เกี่ยวกับการใช้ AI ในสงครามมากขึ้น โดยล่าสุดทางบริษัทได้ร่วมมือกับทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ DoD ร่วมกันพัฒนา AI ขึ้นสูง ที่มีเป้าหมายในด้านความมั่นคงของชาติ

ด้าน DoD ก็ได้อนุมัติสัญญาระยะเวลาหนึ่ง 1 ปี โดยมีงบสนับสนุนถึง 200 ล้านดอลลาร์ฯ ให้กับทาง OpenAI และภายใต้ข้อตกลงนี้ OpenAI จะพัฒนาขีดความสามารถของ AI ระดับสูง (frontier AI) เพื่อปรับปรุงการดูแลสุขภาพสำหรับกำลังพล , เพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูล และสนับสนุนการป้องกันภัยทางไซเบอร์เชิงรุก งานส่วนใหญ่จะดำเนินงานในพื้นที่ Washington, D.C. โดยมีกำหนดแล้วเสร็จโดยประมาณในเดือนกรกฎาคม ปี 2036

สำหรับโครงการนี้ มีข้อสังเกตว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ OpenAI for Government หรือการพัฒนาโซลูชัน AI สำหรับภาครัฐ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่งอยู่แล้ว โดยมีทั้ง NASA , สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) , กองทัพอากาศ และกระทรวงการคลัง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับสัญญาจากกระทรวงกลาโหมโดยตรง

อย่างไรก็ตาม OpenAI มีการระบุสัญญาด้วยว่า กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานรัฐบาลอื่น ๆ จะต้องปฏิบัติตามนโยบายการใช้งานและแนวทางด้านความปลอดภัยของบริษัท ซึ่งนโยบายปัจจุบันของบริษัท คือห้ามไม่ให้พันธมิตรใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาอาวุธ แต่ไม่ได้ห้ามใช้สำหรับกิจการทางการทหารและการสู้รบ

ก่อนหน้านี้ทาง OpenAI ได้ร่วมมือกับ Anduril สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีกลาโหม เพื่อพัฒนาเครื่องมือ AI สำหรับ “ภารกิจด้านความมั่นคงแห่งชาติ” โดย Anduril ได้รับสัญญากลาโหมมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนธันวาคม เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ Anthropic ซึ่งเป็นคู่แข่งของ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับ Palantir และ Amazon เพื่อนำโมเดล AI ของตนไปใช้กับหน่วยงานด้านกลาโหมและข่าวกรองของสหรัฐฯ

ที่มา : Techspot