องค์กรคุ้มครองผู้บริโภคชื่อดังของสหรัฐฯ อย่าง Consumer Reports ได้ส่งจดหมายถึง CEO ของ Microsoft เพื่อแสดงความกังวลที่ Microsoft จะเลิกอัปเดต Windows 10 อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งจะทำให้คอมพิวเตอร์จำนวนมหาศาลทั่วโลกต้อง ถูกลอยแพ
Consumer Reports ชี้ว่าการตัดสินใจนี้จะบีบให้ผู้ใช้งานหลายร้อยล้านคนทั่วโลกต้องเลือกระหว่าง 3 ทางที่ไม่มีทางไหนดีเลยคือ
1.จ่ายเงินรายปี เพื่อซื้อการอัปเดตความปลอดภัยต่ออีก 1 ปี (เริ่มต้นที่ $30 หรือประมาณ 1,100 บาท)
2.ซื้อคอมใหม่ ซึ่งต้องเสียเงินหลายร้อยดอลลาร์ และสร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ มหาศาลจากคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าที่ยังใช้งานได้ดี
3.ไม่ทำอะไรเลย และยอมใช้คอมพิวเตอร์ที่ไม่มีความปลอดภัย ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
และ 4 (อันนี้ Techhub แนะนำนะ) เปลี่ยนไปลองใช้ Linux > ผมเคยเขียนแนะนำไว้แล้ว ไปลองดูกันครับ > https://www.techhub.in.th/top-3-linux-alternatives-to-replace-the-outdated-windows/
ข้อโต้แย้งสำคัญของ Consumer Reports คือ เขาบอกว่ามันไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค จากผลสำรวจพบว่าผู้คนใช้งานคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งนานกว่า 5 ปี หลายคนซื้อคอมพิวเตอร์ก่อนที่ Microsoft จะประกาศสเปกสุดโหดของ Windows 11 ด้วยซ้ำ พวกเขาจึงคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนที่ยาวนานกว่านี้
อีกหนึ่งเรื่องคือ เสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ การมีคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีการป้องกันหลายร้อยล้านเครื่องทั่วโลก เปรียบเสมือนการเปิดประตูให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมเครื่องเหล่านี้เพื่อใช้โจมตีเป้าหมายที่ใหญ่กว่า ซึ่งเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในระดับประเทศ
สุดท้าย บอกว่า Microsoft นั้นย้อนแย้งในตัวเอง โดยอ้างว่า Windows 11 มีความปลอดภัยสูงและจำเป็นต้องอัปเกรด แต่ในขณะเดียวกันกลับทอดทิ้งผู้ใช้ Windows 10 หลายร้อยล้านคนให้เผชิญความเสี่ยง (แต่ส่วนตัว ผมมองว่า มันน่าจะเกี่ยวข้องกับตัว TPM 2.0 หรือเปล่านะ)
ทั้งนี้ Consumer Reports เรียกร้องให้ Microsoft ทำ 2 สิ่งง่ายๆ คือ
1.ขยายเวลาการอัปเดตความปลอดภัยฟรี ให้กับผู้ใช้ Windows 10 ทุกคนที่มี คอมเก่าอัปเกรดไม่ได้
2.สร้างความร่วมมือ เพื่อสนับสนุนการรีไซเคิลคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าอย่างถูกวิธี
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของ Microsoft ยังคงนิ่งเฉย โดยโฆษกของบริษัทตอบกลับสื่อเพียงว่า ไม่มีอะไรจะเปิดเผยในตอนนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าพวกเขาน่าจะยังคงเดินหน้าตามแผนเดิมต่อไป แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ครับ
ที่มา