วันสิ่งแวดล้อมโลก: อยู่บ้านก็ช่วยโลกได้! ซัมซุงชวนสร้างความแตกต่างครั้งใหญ่ด้วยการกระทำเล็กๆที่บ้านเพื่อโลกที่ยั่งยืน

วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปีคือวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งมีขึ้นเพื่อเป็นการย้ำเตือนทุกคนว่าเราต่างมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเรา ในปัจจุบันและนับวันจะยิ่งทวีความสำคัญขึ้น  ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องเริ่มลงมือทำเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง  โดยเริ่มต้นจากการลงมือทำสิ่งเล็กๆ  เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน อย่างการเปลี่ยนวิธีคิดในการเลือกซื้อสินค้า ในวันนี้ ซัมซุงจะมาแนะนำ 4 วิธี ที่ทุกคนสามารถเริ่มต้นได้ด้วยตัวเองได้ง่ายๆในช่วงวันสิ่งแวดล้อมโลก เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความแตกต่างที่พร้อมนำพาโลกสู่ความยั่งยืน

สร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่จากบรรจุภัณฑ์เดิม

Eco-Packaging บรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนของซัมซุง ที่สามารถนำมาประกอบใหม่เป็นของใช้ภายในบ้านที่น่ารักและสามารถใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางของข้างเตียง โต๊ะกาแฟหรือแม้แต่บ้านแมว

บรรจุภัณฑ์ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องผลิตภัณฑ์ไม่ให้เกิดความเสียหายก่อนที่จะส่งถึงมือลูกค้า ซึ่งหลังจากที่ได้รับผลิตภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว แทนที่จะนำกล่องเหล่านั้นไปทิ้ง เราสามารถนำวัสดุเหล่านั้นมาสร้างสรรค์เป็นของใช้ชิ้นใหม่ได้อีกด้วย

จากเดิมที่คนส่วนใหญ่นิยมที่จะนำกล่องกระดาษแข็งกลับมาใช้เป็นกล่องเก็บของ แต่ด้วยไอเดียหลากหลายจากเว็บไซต์ต่างๆ ทำให้คุณสามารถเปลี่ยนกล่องกระดาษแข็งให้กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน เช่น เก้าอี้ โต๊ะ หรือของเล่น ได้ง่ายๆ สำหรับ Eco-Package จากซัมซุง ผู้ใช้จะสามารถออกแบบเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ชั้นวางรองเท้า โต๊ะกาแฟ หรือแม้กระทั่งบ้านแมว ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เพียงแค่ตัด Eco-Packaging ตามรอยเส้นประและนำแต่ละส่วนของบรรจุภัณฑ์มาประกอบกัน เท่านี้คุณก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ที่น่าทึ่งต่างๆ มากมาย โดยสามารถดูรายละเอียดหรือค้นหาแรงบันดาลใจเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung-ecopackage.com/

ลดการสิ้นเปลืองพลังงานแฝงภายในบ้าน

ที่ชาร์จของ Samsung Galaxy ถูกออกแบบมาเพื่อให้ลดการใช้พลังงานเมื่ออยู่ใน “โหมดสแตนด์บาย”

หลายคนอาจคิดว่าอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ไม่ได้ใช้พลังงาน หากตัวเครื่องไม่ได้อยู่ในระหว่างการใช้งานหรือเสียบปลั๊กทิ้งไว้ แต่ที่จริงแล้ว ส่วนประกอบหลักต่างๆ ของอุปกรณ์จะทำงานอยู่เสมอ[1] แม้จะอยู่ในโหมดสแตนด์บาย เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานที่จะเกิดขึ้นโดยพลังงานที่เสียไปในระหว่างที่เครื่องอยู่ในโหมดสแตนด์บายนับเป็น 10% ของพลังงานทั้งหมดที่ใช้ในครัวเรือน[2] ซึ่งนับเป็นการแสดงให้เห็นถึงการใช้พลังงานไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น ในฐานะผู้บริโภค คุณสามารถช่วยลดการใช้พลังงานดังกล่าวได้ ผ่านการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อลดการใช้พลังงานในโหมดสแตนด์บายให้ใกล้เคียงกับศูนย์ที่สุดแทน

ซัมซุงลดการใช้พลังงานในโหมดสแตนด์บายของที่ชาร์จสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นแฟลกชิปมาตั้งแต่ปี 2555 เพื่อลดปัญหาการสิ้นเปลืองพลังงาน[3] โดยที่ผ่านมาสามารถประหยัดพลังงานไปได้กว่า 13 ล้านกิโลวัตต์ (kW)[4] เทียบเท่ากับปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำถึง 4.5 แห่ง และซัมซุงยังได้ขยายการใช้นวัตกรรมเพื่อลดการใช้พลังงานของเครื่องชาร์จนี้ไปยังผลิตภัณฑ์อื่นๆ[5] ด้วยความมุ่งมั่นที่จะลดการใช้พลังงานในโหมดสแตนด์บายของเครื่องชาร์จให้เหลือศูนย์อีกด้วย

มองหานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่เพื่อความยั่งยืน

รีโมทโซลาร์เซลล์ที่เปิดตัวเมื่อปี 2564 สามารถลดปริมาณการใช้ถ่าน AA ได้ถึง 99 ล้านก้อนตลอดระยะเวลาการใช้งาน 7 ปี

นวัตกรรมอันล้ำสมัยสามารถสร้างขึ้นโดยคำนึงถึงความยั่งยืนไปพร้อมกันได้ ในฐานะผู้บริโภค คุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมปกป้องสิ่งแวดล้อม โดยการมองหาผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความยั่งยืนโดยเฉพาะ ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย

ซัมซุงได้ผลิตอุปกรณ์มากมายภายใต้แนวคิดนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน ซึ่งมาพร้อมกับสุดยอดฟีเจอร์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ได้แก่

  • รีโมทโซลาร์เซลล์[6] ที่สามารถชาร์จพลังงานได้จากแสงภายในและภายนอกอาคาร หรือ USB ซึ่งสามารถลดปริมาณการใช้ถ่าน AA ได้ถึง 99 ล้านก้อนตลอดระยะเวลาการใช้งาน 7 ปี[7]
  • เครื่องซักผ้ารุ่น QuickDrive™ ที่ใช้นวัตกรรม AI ในการคำนวณปริมาณน้ำ ผงซักฟอกและรอบการซัก ช่วยประหยัดเวลาในการซักได้ถึง 50% และประหยัดพลังงานถึง 20%[8]แสดงทั้งความเป็นมิตรต่อทั้งสิ่งแวดล้อม พร้อมลดค่าใช้ไปพร้อมกัน
  • เครื่องปรับอากาศ Wind-Free™ ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 77%[9]

สร้างสรรค์สิ่งใหม่จากอุปกรณ์ที่ไม่ใช้แล้ว

เทคโนโลยีนั้นพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้บริโภคเกิดการซื้ออุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ชิ้นใหม่เพื่อช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องทิ้งเครื่องเก่าไปทันที เพราะคุณสามารถนำดีไวซ์เหล่านั้นมาผ่านกระบวนการ Upcycling เพื่อสร้างสรรค์เป็นสิ่งใหม่ได้ เช่น

  1. กล้อง GPS สำหรับติดหน้ารถ
  2. กล้องเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในบ้าน เช่น การมอนิเตอร์ลูกน้อย สัตว์เลี้ยง หรือผู้สูงอายุผ่านทางแอปพลิเคชัน
  3. เครื่องเสียงส่วนตัวผ่านการเชื่อมต่อกับลำโพง ทำให้สามารถเล่นเพลงโปรดได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
  4. อุปกรณ์สำหรับอ่านหนังสืออิเลคโทรนิคส์ (e-book)

จุดเริ่มต้นเล็กๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนรอบตัว

เหนือสิ่งอื่นใด ทุกการกระทำ แม้เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย ล้วนส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนรอบข้างได้มาก มาร่วมลงมือเปลี่ยนแปลงตนเองตั้งแต่วันนี้สิ่งเพื่อโลกที่ดีกว่าในวันข้างหน้าไปพร้อมกัน

[1] พลังงานในโหมดสแตนด์บายจะแสดงเป็นศูนย์ (0.00w) เมื่อพลังงานในโหมดสแตนด์บายของหัวชาร์จต่ำกว่า 5mW เพื่อลดการใช้พลังงาน

[2] https://green.harvard.edu/tools-resources/green-tip/eliminate-vampire-power

[3] สำหรับชาร์จเจอร์ 15W และ 25W ของสมาร์ทโฟนซัมซุง

[4] ชาร์จเจอร์ 15W และ 25W กว่า 540 ล้านชิ้นที่ขายในปี 2557 ถึง 2562 สามารถลดการใช้พลังงานไปได้ถึง 350 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง(kWh) (เมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงาน (ErP) มาตรฐานระดับ VI ขนาด 100mW และกระทรวงพลังงานสหรัฐ) เทียบเท่ากับปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำรวมกันถึง 4.5 แห่ง (13 ล้าน kWh-class)

[5] ความพร้อมในการใช้งานของชาร์จเจอร์ 20mW อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับมาตรฐานและนโยบายพลังงานของแต่ละพื้นที่

[6] ใช้ได้กับทุกไลน์อัพกลุ่มผลิตภัณฑ์ทีวี QLED ปี 2021

[7] ตัวเลขอ้างอิงจากงานวิจัยภายในของซัมซุง (อายุการใช้งานเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ทีวีอยู่ที่ 7 ปี)

[8] ผลการทดสอบจากรุ่น WW7000T เปรียบเทียบกับผลการทดสอบจากรุ่น WW6500K สามารถประหยัดได้ 50% ในโหมดคอตตอน (ที่อุณหภูมิ 40°c ปริมาณครึ่งโหลด) ด้วยประสิทธิภาพในการซัก ±5% อ้างอิงข้อมูลจากบริษัท Intertek

[9] เมื่อตั้งค่าเป็นโหมด Wind-Free และเปรียบเทียบต่อหน่วยกับโหมด Fast Cooling