Schneider Electric นวัตกรรมสร้าง Ecosystem

ในฐานะผู้นำด้านการบริหารจัดการพลังงาน และระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เล็งเห็นความสำคัญในการสร้างนวัตกรรม โดยได้มีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้งบประมาณในการวิจัยราว 5% ของยอดขาย เพื่อพัฒนาสิ่งใหม่ในการคิดค้นนวัตกรรมที่ความแตกต่าง ซึ่งนับเป็นความท้าทายของธุรกิจที่ต้องการก้าวสู่ยุคดิจิทัล 4.0

คุณธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย ประธานบริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ประเทศไทย ลาว และเมียนมา เล่าว่า ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีเป้าหมายในการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยสนับสนุนลูกค้าในการสร้าง New Disruptive และเสริมศักยภาพให้องค์กร ช่วยพัฒนาวิธีการดำเนินงาน รวมถึงให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย โดยมี EcoStruxure Platform ที่มีการทำงานแบบ end-to-end ส่งเสริมการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดย EcoStruxure นี้ จะครอบคลุมธุรกิจในทุกระดับ ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงระดับ Enterprise

อีโคสตรัคเจอร์ (EcoStruxure™)  เป็นแพลตฟอร์มแบบเปิดที่ใช้งานร่วมกับระบบ IoT ซึ่งอีโคสตรัคเจอร์  มุ่งเน้นในเรื่องของความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และการเชื่อมต่อให้กับลูกค้าของเรา อีโคสตรัคเจอร์ ยังยกระดับความก้าวหน้าในเรื่องของ IoT มีระบบการมอนิเตอร์ เชื่อมระบบคลาวด์ มีประสิทธิภาพด้านการวิเคราะห์ และมีระบบรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์ (Cybersecurity) ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ (connected products) มีระบบควบคุม มอนิเตอร์การทำงานของผลิตภัณฑ์ (Edge Control) ตลอดจนแอปพลิเคชัน การวิเคราะห์ข้อมูลและการบริการต่างๆ (Apps, analytics, and services)

ประธานบริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค บอกว่า ส่วนที่สำคัญและมีประโยชน์สำหรับลูกค้า คือ Analytics หรือการวิเคราะห์ โดยเราจะเรียกว่า EcoStruxure Advisor ในด้านต่างๆ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีความแตกต่างจากคู่แข่ง เพราะสามารถช่วยให้ลูกค้าคาดการณ์แนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้นจากการวิเคราะห์ข้อมูล และพร้อมนำเสนอแนวทางที่เหมาะสมให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง เรายังมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยช่วยลูกค้าวิเคราะห์ โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องจ้างนักวิเคราะห์ หรือ Data Scientist เอง

ในแง่ของการติดตั้งแพลตฟอร์ม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ให้ความมั่นใจได้ในเรื่อง Cyber Security ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการผ่านระบบคลาวด์ ซึ่ง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีให้บริการ หรือลูกค้าสามารถเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์ของตัวเองก็ได้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค พร้อมจะหาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างเหมาะสมที่สุด

อย่างไรก็ตาม คุณธนพงษ์ มองว่าอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือการสร้างพันธมิตรเครือข่ายในธุรกิจ เรามี Business Partner ที่เรียกว่า EcoXpert ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน แต่ละอุตสาหกรรม ที่ได้การอบรมและรับรองจาก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค โดยเฉพาะ ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าเมื่อตัดสินใจใช้โซลูชั่นของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค แล้วจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นคอยให้คำปรึกษาดูแลอย่างใกล้ชิด

จุดเด่นของโซลูชั่นของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือลูกค้าที่ต้องการพัฒนาเข้าสู่ Digitization สามารถใช้งานนวัตกรรมของเราได้เลย ไม่จำเป็นต้องพัฒนานวัตกรรมใหม่ เรามีความเชี่ยวชาญ ใน 6 กลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วย พลังงาน ไอที อาคาร เครื่องจักร โรงงาน และโครงข่ายไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ของเรามีความสามารถในการเชื่อมต่อกันได้ด้วย IoT ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีประสบการณ์ และมีบริการที่ดีเพื่อสนับสนุนลูกค้า และพร้อมช่วยผลักดันบริษัทในประเทศไทยให้สามารถทรานส์ฟอร์มสู่ยุคดิจิทัล 4.0 ได้อย่างง่ายดาย

คุณธนพงษ์ ย้ำว่า ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ให้ความสำคัญกับการสร้างบุคลากรภายในประเทศ โดยมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย และองค์กรขนาดใหญ่ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อผลักดันองค์ความรู้ด้าน Digilization ไม่ว่าจะเป็นการทำการอบรม กิจกรรมเยี่ยมชมโรงงาน การประกวดการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น โครงการ Go Green in the City, โครงการ IIoT Contest โดยทั้งสองโครงการเป็นโครงการสำหรับนักศึกษา เราต้องการสร้างเวทีให้เด็กรุ่นใหม่กล้าแสดงออกทางความคิดในด้านนวัตกรรม เพื่อให้เป็นประโยชน์กลับคืนสู่สังคม

“ก้าวต่อไปของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังคงเดินหน้าสร้าง Ecosystem ในประเทศ รวมถึงสร้างโซลูชั่นใหม่ๆ ให้กับพาร์ทเนอร์ และลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยี EcoStruxure  ที่เรามี เข้ามาช่วยตอบโจทย์ในการนำเสนอ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร นวัตกรรมยังคงต้องเดินหน้า และเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหา เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและเสริมสร้างเศรษฐกิจได้แบบยั่งยืน” คุณธนพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย