จะดีแค่ไหนถ้า AI เข้ามาเปลี่ยนโลกคนทำงานไปจากเดิม งานที่ถูกบันทึกลงบนกระดาษ กำลังจะเปลี่ยนรูปแบบมาอยู่บนคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยให้เข้าถึงได้ง่าย และมี AI คอยช่วยตรวจสอบ
innovation Impact พาไปดูเบื้องหลังของนวัตกรไทย ที่ใช้ AI สร้างระบบผู้ช่วยวิศวกรรมซ่อมบำรุง หนึ่งในเทคโนโลยีขั้นสูง หรือ DEEPTECH ที่เปลี่ยนการจดบันทึกในกระดาษ มาเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้ผ่านสมาร์ทโฟน
นั่นคือจุดเริ่มต้นของ ซิสเต็มส์สโตน สตาร์ตอัปคนไทย ที่ริเริ่มพัฒนานวัตกรรม ระบบผู้ช่วยด้านวิศวกรรมซ่อมบำรุงด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และ Machine Learning หรือระบบ Factorium แอปพลิเคชันสำหรับอุตสาหกรรม
“เราเป็นเจ้าแรกที่พัฒนาแอปในมือถือ ให้กับโรงงานที่ประสบปัญหาด้านการซ่อมบำรุงได้ไม่ตรงตามมาตรฐาน เพราะเอกสารเกิดสูญหาย หรือมีการตกแต่งเอกสารที่ส่งผลกระทบให้ไม่ได้เป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรฐาน ISO 100 เปอร์เซ็นต์” ณัฏฐ์นภันต์ อัครจิราธร ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ซิสเต็มส์สโตน จำกัด กล่าว
AI เป็นกระแสของเทคโนโลยีที่กำลังมาแรง ทั้งในและต่างประเทศ อย่างที่ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น ทุกประเทศต่างพูดถึง AI ซึ่งวันนี้ซิสเต็มส์สโตน ได้พัฒนา AI 4 ตัวเพื่อตอบโจทย์การใช้งาน หนึ่งในนั้นคือ AI Consultant ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA
จุดเด่นของ AI คือสามารถเรียนรู้และ วิเคราะห์ข้อมูลประเมินความเสี่ยงและใช้ตัดสินใจเลือกวิธีแก้ไข และกำหนดช่วงเวลาและลำดับการซ่อมบำรุงที่เหมาะสม กลายเป็นผู้ช่วยตัดสินใจในการซ่อมบำรุง จัดการสต๊อก และโอนถ่ายงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยทำงานแทนคนได้ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาเพื่อรองรับการใช้งานภาษามากที่ขึ้น
ณัฏฐ์นภันต์ ย้ำว่า นวัตกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจาก NIA ช่วยทำให้ข้อมูลจากเอกสารในรูปแบบต่างๆ ถูกนำมาต่อยอดใช้กับระบบ Chatbot และ LLM หรือ Generative AI ทำให้สามารถค้นหา ทำความเข้าใจ และตอบคำถามในสิ่งที่ต้องการได้ตรงจุด AI จะช่วยวิเคราะห์การทำงานของเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ในสำนักงานให้อัตโนมัติ โดยดูจากรูปแบบการใช้งาน ประวัติการใช้งาน ข้อมูลการซ่อมบำรุงที่ผ่านมา รวมถึงอาการ และปัญหาที่เกิดขึ้น
“ปัญหาที่ยากที่สุดของการทำนวัตกรรมคือคนไทยส่วนใหญ่ยังยึดติดอยู่กับการทำงานรูปแบบเดิมๆ ไม่ค่อยกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง แต่ถ้านวัตกรรมช่วยพิสูจน์ได้ว่าทำแล้วมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับการซื้อซอฟต์แวร์ราคาหลักหมื่นต่อปี แต่ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป” ณัฏฐ์นภันต์ กล่าว
จากบริษัทให้บริการซอฟแวร์บริหารจัดการระบบคุณภาพ มาจนถึงการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันด้านการควบคุมคุณภาพ ด้วยการวิจัยและพัฒนา และขยายผลด้วยการทำ Machine Learning สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลและให้ข้อแนะนำในการปรับแผนการสอบเทียบ
นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น เรียกได้ว่าเป็นชอฟแวร์เดียวในโลกที่มีระบบ Calibration Prediction
ที่จะช่วยขยายระยะเวลาสอบเทียบไปได้ถึง 30% ช่วยลดจำนวนวนงานและค่าใช้จ่ายให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมเคมีและโลหะ กว่า 141,000 โรงงาน ที่ยังคงใช้ระบบ excel และกระดาษในงานตรวจสอบซ่อมบำรุง รวมถึงโรงพยาบาล สถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัย ได้เป็นจำนวนมากในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนออกไปเติบโตที่ต่างประเทศ โดยเริ่มจากการออกบูธในประเทศต่างๆ เพื่อหาลูกค้ารายใหม่ ไปพร้อมๆ กับการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
มาร่วมกันหาคำตอบว่า ผลงานนวัตกรรมจะเปลี่ยนโลกได้อย่างไรในรายการ Innovation Impact ได้ทาง PPTV HD 36 รายการโชว์ข่าวเช้านี้ เวลา 08.20 – 09.30 น. และช่องทางโซเชียลมีเดียของ Techhub