เริ่มใช้จริงจัง สหรัฐฯ ดัน หุ่นยนต์บริการ ทำงาน 3D แทนคน

หุ่นยนต์บริการ

ในหลายเมืองทั่วสหรัฐอเมริกา ตอนนี้หน่วยงานภาครัฐเริ่มหันมาทดลองใช้ หุ่นยนต์บริการ เพื่อทำงานที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของมนุษย์ โดยเฉพาะ งาน 3D ซึ่งย่อมาจาก Dirty (สกปรก), Dangerous (อันตราย), และ Dull (น่าเบื่อ)

แม้ว่าภาคเอกชนจะใช้ระบบ Automation มานานแล้ว แต่หน่วยงานรัฐเพิ่งจะเริ่มทดสอบเทคโนโลยีเหล่านี้ โดยยังต้องชั่งน้ำหนักเรื่องความปลอดภัย งบประมาณ และความรู้สึกของประชาชนที่ต้องใช้พื้นที่ร่วมกับหุ่นยนต์

ศาสตราจารย์ Peter Stone จากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน ชี้ว่า งบประมาณที่จำกัดของเมืองเป็นอุปสรรคสำคัญ เพราะการใช้หุ่นยนต์ในตอนนี้ยังไม่ได้ช่วยให้ต้นทุนถูกลง อย่างไรก็ตาม บางเมืองก็เริ่มพบว่า หุ่นยนต์ทำงานเหล่านี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงได้จริงโดยไม่ต้องเพิ่มงบประมาณ

หุ่นยนต์ดับเพลิงลดเสี่ยงภัย เพิ่มประสิทธิภาพ

ที่เมืองแคนซัส ซิตี้ รัฐมิสซูรี ได้เริ่มใช้ หุ่นยนต์ดับเพลิง แบบควบคุมระยะไกลมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 เพื่อช่วยให้นักดับเพลิงไม่ต้องเข้าไปในพื้นที่อันตราย หุ่นยนต์ตัวนี้ มีขนาดเท่ารถเล็ก สามารถพ่นน้ำได้ถึง 2,500 แกลลอนต่อนาที และยังสามารถดันยานพาหนะหรือเศษซากที่ขวางทางได้

หุ่นยนต์นี้ถูกนำไปใช้ในเหตุไฟไหม้โรงงานรีไซเคิล ซึ่งช่วยให้สามารถถอนกำลังนักดับเพลิงกว่าครึ่งหนึ่งไปรับมือเหตุอื่นได้ และยังช่วยลดเวลาจัดการควันในพื้นที่ใกล้เคียงได้ถึง 12 ชั่วโมง โดยในอนาคตอาจถูกนำไปใช้ในภารกิจกู้ภัยในป่าหรือเหตุกราดยิง

หุ่นยนต์สำรวจทางเท้า และนำทางในห้องสมุด

เมืองเออร์ไวน์ แคลิฟอร์เนีย ใช้หุ่นยนต์ 5 ตัว เพื่อสำรวจทางเท้า ทางลาด และป้ายรถเมล์กว่า 950 ไมล์ เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับกฎหมายเพื่อคนพิการ โดยหุ่นยนต์เหล่านี้เก็บข้อมูลพื้นผิว (เช่น ความลาดเอียง รอยแตก) ทุกๆ สองสามเซนติเมตร ซึ่งละเอียดกว่ามนุษย์มาก และคาดว่าจะใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือน เทียบกับที่คนต้องใช้เวลาหลายปี

เมืองอิงเกิลวูด โคโลราโด ในห้องสมุด Arapahoe วางแผนจะใช้หุ่นยนต์นำทาง 4 ล้อ ในอาคาร Co-working และศูนย์จัดงานแห่งใหม่ในปี 2026 เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยต้อนรับ แนะนำเส้นทางให้ผู้มาเยือน และกำลังทดสอบหุ่นยนต์อีกตัวสำหรับส่งของจากคาเฟ่

หุ่นยนต์ตัดหญ้า และทำความสะอาดสวน

เมืองแซนฟอร์ด นอร์ทแคโรไลนา ใช้ หุ่นยนต์ตัดหญ้า พลังงานแบตเตอรี่ 10 ตัว ดูแลสนามหญ้า 6 เอเคอร์รอบศาลากลาง หุ่นยนต์เหล่านี้ทำงานได้เกือบ 23 ชั่วโมงต่อวัน และกลับไปชาร์จเองอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเพราะคนไม่ต้องไปตัดหญ้าในพื้นที่ลาดชัน ลดเสียงดัง และทำให้หญ้าสุขภาพดีขึ้นจากการตัดเล็มอย่างสม่ำเสมอ พลเมืองยังช่วยกันตั้งชื่อน่ารักๆ ให้พวกมันด้วย เช่น Britney Shears (ล้อเลียน Britney Spears)

เมืองดีทรอยต์ ใช้หุ่นยนต์ทำความสะอาด บริเวณริมน้ำ โดยมีหุ่นยนต์ตัวหนึ่งคอยร่อนทรายบนชายหาดเพื่อเก็บก้นบุหรี่และเศษแก้ว และมีโดรนในน้ำอีกตัวคอยเก็บขยะได้ถึง 200 ปอนด์ต่อวัน

สิ่งที่น่าสนใจคือ ภาครัฐกำลังมองเห็นคุณค่าของ Automation ที่มากกว่าแค่การลดต้นทุนแต่เป็นการ ลดความเสี่ยง และการเก็บข้อมูลที่แม่นยำมหาศาล ซึ่งข้อมูลเหล่านี้คือหัวใจสำคัญของการพัฒนา Smart City ในอนาคต

ที่มา

techspot.