ซีอีโอ Intel เผยการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจทำให้จีนล้าหลังเรื่องชิป 10 ปี

[เป็นไปตามแผน ?] ที่ผ่านมาสหรัฐฯ มีความพยายามที่จะชะลอ ‘ความก้าวหน้า’ ทางด้านเทคโนโลยีของจีนอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นก็มีการงดส่งชิป AI ระดับสูงไปยังจีน จนแม้แต่การ์ดจอเล่นเกมอย่าง RTX 4090 ก็ยังถูกห้ามไปด้วย สื่บเนื่องจากเหตุด้านความมั่นคง ล่าสุดทาง Intel ได้มองว่ามาตรการนี้ อาจทำให้จีนล้าหลังเรื่องชิปถึงหนึ่งทศวรรษ

ในงาน World Economic Forum ที่ผ่านมา Pat Gelsinger ซีอีโอของ Intel ได้กล่าวถึงกรณีการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อประเทศจีน เผยอาจส่งผลให้จีนพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ ได้ช้ากว่าประเทศชั้นนำถึงหนึ่งทศวรรษหรือราว ๆ 10 ปี เนื่องจากขาดชิ้นส่วนสำคัญในการผลิตชิป

Pat Gelsinger กล่าวเพิ่มเติมว่า ในตอนนี้จีนจะถูกจำกัดการผลิตชิปที่ขนาด 14 nm และ 7 nm (นาโนเมตร) ในขณะที่ TSMC ในไต้หวัน Samsung ในเกาหลีใต้ และ Intel ในสหรัฐฯ เตรียมเข้าสู่ยุค 3 nm หรือ 2 nm หรือเล็กกว่านั้นแล้ว ซึ่งในปี 2025 เราอาจได้เห็น TSMC ผลิตชิป 2 nm ให้กับ iPhone 17 ก็เป็นได้

มีคาดการณ์ว่า สาเหตุที่สหรัฐฯ ต้องออกมาตรการควบคุมเทคโนโลยีของจีนนั้น เป็นเพราะจีนมีการเติบโตในภาคส่วนนี้อย่างรวดเร็ว จนมีความกังวลด้านความมั่นคง กลัวว่าจีนจะพัฒนาอาวุธอัจฉริยะออกมาได้นั้นเอง

ปัจจุบันมาตรการดังกล่าว ได้ร่วมความร่วมมือจากญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ด้วย ตัวอย่างเช่น เครื่องผลิตชิป EUV ระดับ Hi-End จาก ASML ซึ่งเป็นบริษัทในเนเธอร์แลนด์ ก็ถูกทาง Intel เข้าซื้อกิจการไปแล้ว และเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของ Intel ที่จะฟื้นตำแหน่งผู้ผลิตชิปแถวหน้าจาก TSMC และ Samsung ด้วย

ย้อนกลับไปปีก่อน Morris Chang ผู้ก่อตั้ง TSMC ยอมรับว่าการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ครั้งนี้ อาจเป็นประโยชน์ต่อบริษัทชั่วคราว แต่ขณะเดียวกันก็มีความกังวล ต่อประสิทธิผลระยะยาวของมาตรการดังกล่าวด้วย การคว่ำบาตรจะทำให้จีนล้าหลังในด้านเทคโนโลยีการผลิตชิปหลายปี

ทว่าฝั่งสหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ ก็ต้องใช้เวลาอย่างมาก ในการพัฒนาขีดความสามารถด้านการผลิตชิปของตนด้วยเหมือนกัน เช่นเดียวกับที่ทางซีอีโอของ Nvidia ก็มองว่าเป้าหมายนี้อาจใช้เวลาเกือบ 10 หรือ 20 ปีกันเลย น่าจับตาว่าหลังจากนี้เราจะได้เห็นชิปประมวลผลรุ่นใหม่ ๆ แบบไหนบ้าง และจีนจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างหลังจากนี้

ที่มา : Techspot