คิดยังไง หากรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ จะ ไม่รองรับ CarPlay

CarPlay

เป็นเวลากว่าทศวรรษที่ Apple CarPlay และ Android Auto ได้ทำให้การขับรถสนุกมากขึ้น ทำให้เราใช้แอปอย่าง Apple Maps หรือ Spotify บนหน้าจอรถยนต์ได้โดยตรงแบบไม่ต้องจับมือถือ ข้อดีคือใช้ได้ลื่นไหล, ฟรี, และปัจจุบันก็มีคนใช้งานนับล้าน

แต่ล่าสุด General Motors ค่ายรถยักษ์ใหญ่ เจ้าของแบรนด์ Chevrolet, Cadillac, GMC) ได้ออกมาประกาศว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ของบริษัท จะไม่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto อีกต่อไป

ทำไม GM ถึงกล้าหักดิบฟีเจอร์นี้ ?
GM อ้างว่า การสร้างซอฟต์แวร์รถยนต์หรือระบบอินโฟเทนเมนต์ ของตัวเองขึ้นมา จะให้ประสบการณ์ที่ดีกว่า จริงหรอ ? แต่เบื้องลึกจากบทวิเคราะห์ นี่อาจจะเป็นแค่เรื่องของเงิน

การตัด Appleออกไป จะทำให้ GM สามารถควบคุมทุกอย่างบนหน้าจอได้เอง และนั่นคือโอกาสในการสร้างรายได้มหาศาล พูดง่ายๆ คือ GM กำลังจะเปลี่ยนรถยนต์ให้กลายเป็น “อุปกรณ์ที่เก็บค่าบริการ” เหมือน Netflix

GM ได้เริ่มทำระบบของตัวเองในรถ EV รุ่นใหม่แล้ว ซึ่งก็ทำงานได้ดี, รวดเร็ว, มีแอปอย่าง Spotify หรือ HBO Max และในอนาคต จะมีแอปอย่าง Gemini AI แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันขาดแอปสำคัญของ Apple เพราะระบบของ Apple นั้นเป็นระบบปิดนะ จะให้หยิบอะไรมาใส่ก็คงไม่ได้

และที่สำคัญที่สุดคือ ระบบของ GM ไม่ได้เชื่อมต่อกับมือถือฟรีๆ เหมือน CarPlay แต่ต้องสมัครแผนแยกต่างหาก ซึ่งเริ่มต้นที่ $10 ต่อเดือน (ประมาณ 370 บาท)

หลายสื่อมองว่า นี่คือสงครามแย่งชิงพื้นที่ระหว่างอุตสาหกรรมยานยนต์ กับยักษ์ใหญ่ไอที

ฝั่งค่ายรถ ที่ไม่อยากเป็นแค่หนึ่งในพื้นที่ ที่ให้บริษัทเทคโนโลยีมาควบคุม พวกเขาต้องการสร้าง Ecosystem ของตัวเอง เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้ พร้อมกับคิดค่าบริการรายเดือนได้เช่น ค่าระบบนำทาง, ค่าฟีเจอร์ขับขี่อัตโนมัติ หรือแม้แต่ค่าเปิดฮีตเตอร์…..

ฝั่ง Big Tech อย่าง Apple เองก็มองเห็นขุมทรัพย์ในรถยนต์ มีข้อมูลว่า พวกเขากำลังพัฒนา CarPlay Ultra หรือ Next-Gen CarPlay ที่จะไม่ได้ควบคุมแค่เพลง แต่จะคุม ทั้งคัน เช่น การปรับอุณหภูมิแอร์, การตั้งค่าเบาะที่นั่ง ผ่าน Siri ซึ่งนี่อาจะเป็นฝันร้ายของค่ายรถยนต์ ?

แม้ GM จะเป็นรายใหญ่ที่ประกาศแผนที่จะเลิกใช้ แต่ค่ายอื่นก็เริ่มทำแล้ว เช่น Toyota ที่เก็บค่าบริการสำหรับฟีเจอร์นำทางบางอย่าง หรือ Kia ที่เก็บค่าบริการรายปีเพื่อใช้ รีโมตสตาร์ทผ่านมือถือ

ในขณะที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ มองว่า CarPlay เป็นฟีเจอร์ที่ต้องมีและไม่พอใจกับการต้องจ่ายค่าสมาชิกซ้ำซ้อน ซึ่งต้องยอมรับว่า ยุคทองของ CarPlay ที่เราได้ใช้ฟรีและลื่นไหลอาจกำลังจะจบลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และต้องเตรียมตัวต้อนรับวันที่ค่าใช้จ่ายเทคโนโลยีในรถยนต์ จะกลายเป็นอีกหนึ่งบิลรายเดือนในบัตรเครดิตของเรา ต่อจาก Netflix และ Spotify ครับ

ที่มา

theatlantic