[สวนกระแส] ดูเหมือน ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีของจีน จะมีความกังวลต่อแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรม AI และรถไฟฟ้า (EV) ที่ดูมากเกินไป ผนวกกับภาวะเงินฝืดที่กำลังเพิ่มสูง และสงครามการค้าระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ กับ จีน
Financial Times เผยในงาน Central Urban Work Conference ที่กรุงปักกิ่ง ประธานาธิบดีของจีน สี จิ้นผิง ได้กล่าวถึงการลงทุนโครงการต่าง ๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ปัญญาประดิษฐ์ พลังการประมวลผล และรถไฟฟ้า ว่า “จำเป็น” ต้องพัฒนาอุตสาหกรรมเหล่านี้หมดเลยหรือ
“เราไม่ควรจะมุ่งเน้นแค่ค่า GDP ว่าเติบโตไปเท่าไหร่ กับมีการสร้างโครงการใหญ่ ๆ กี่โครงการแล้ว แต่ต้องดูด้วยว่าโครงการเหล่านั้น ทำให้เรามีหนี้สินอยู่เท่าไหร่”
สี จิ้นผิง ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่รายหนึ่ง ที่ส่งเสริมการพัฒนาอย่างเร่งรีบ แต่กลับไม่นึกถึงผลที่ตามมา พร้อมกล่าวอีกด้วยว่า “เราไม่ควรปล่อยให้คนบางคนปัดความรับผิดชอบ และทิ้งปัญหาไว้ให้คนรุ่นหลัง”
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าประเทศจีน กำลังเปลี่ยนจุดสนใจตามที่ สี จิ้นผิง ว่าไว้ เพราะไม่นานมานี้ NVIDIA เพิ่งได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้กลับมาขายชิป AI ให้กับจีนได้อีกครั้ง โดยมีรายงานว่าบริษัทมียอดสั่งซื้อที่ยังไม่ได้จัดส่งในมูลค่าถึง 8 พันล้านดอลลาร์ฯ
ปัจจุบันจีนถือเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าระดับโลก และกำลังแข่งขันกับสหรัฐฯ ในด้านรถแท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) ด้วยเช่นกัน ทั้งมีการประกาศภายในสัปดาห์นี้ด้วยว่า Uber กำลังเป็นพันธมิตรกับ Baidu เพื่อนำรถยนต์ไร้คนขับ Apollo Go ของบริษัทจีนหลายพันคัน เข้ามาในใช้กับ Uber ในจีนและตลาดอื่น ๆ นอกสหรัฐฯ เรียกได้ว่าประเทศจีนกำลังดันทั้งเรื่อง EV และ AI อย่างจริงจังมากกว่า หรือหลังจากนี้อาจมีความเปลี่ยนแปลง ?
ที่มา : Engadget