อรูบ้า (Aruba) เปิดตัว Aruba ESP แพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟ (Cloud-Native) แรกของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนระบบเครือข่ายปลายทางอัจฉริยะ (Intelligent Edge)

แพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ (Automation) ช่วยเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นความเข้าใจเชิงลึกที่นำมาปฏิบัติได้ (Actionable Insights) ช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการองค์กรธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

อรูบ้า (Aruba) หนึ่งในเครือบริษัทฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์  (NYSE: HPE) เปิดตัว Aruba ESP (Edge Services Platform) เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่ใช้พลังความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นตัวขับเคลื่อนแพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟ เพื่อคาดการณ์และแก้ไขปัญหาที่ระบบเครือข่ายส่วนปลาย (Network Edge) ก่อนที่ปัญหานั้นจะเกิดขึ้น Aruba ESP มีรากฐานการพัฒนาขึ้นมาจาก AIOps, Zero Trust network security และ Unified Infrastructure ครอบคลุมทุกระบบเครือข่ายระดับ Campus Network , Data Center รวมถึงสาขาและพนักงานที่ปฏิบัติงานจากระยะไกล (Remote Worker)        Aruba ESP ทำงานได้โดยอัตโนมัติอย่างครบวงจรทั้งหมดในหนึ่งเดียวซึ่งสามารถวิเคราะห์ข้อมูลครอบคลุมทุกโดเมน, รับประกันความพึงพอใจการให้บริการ (SLA), ตรวจสอบความผิดปกติและสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานได้ด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันยังสามารถดูแลและรักษาความมั่นคงปลอดภัยจากอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักซึ่งเชื่อมต่อเข้ามาในระบบเครือข่ายได้อีกด้วย Aruba ESP ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประสบการณ์การใช้งานแบบคลาวด์แก่ผู้ใช้งานที่ส่วนปลาย (Edge) ของระบบเครือข่าย  องค์กรสามารถเลือกใช้บริการได้แบบ as a service บนระบบคลาวด์ หรือ ติดตั้งระบบเอง (On-Premises) และบริการแบบ Manged Service ผ่านพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ ของ Aruba  หรือจะเลือกใช้บริการแบบ Network as-a-Service ผ่านทาง HPE GreenLake  อีกทั้งยังสามารถเลือกวิธีการชำระเงินได้ตามการใช้งาน โดยลูกค้าสามารถจัดซื้อจัดหาได้ด้วยทางเลือกทางการเงินที่ยืดหยุ่นผ่านทาง HPE Financial Services

ตลาดเทคโนโลยีได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทุก ๆ สิบปี สองทศวรรษที่ผ่านมามีศูนย์กลางอยู่ที่เรื่องการทำงานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobility) ซึ่งนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ตามมาด้วยการย้ายไปยังแอพพลิเคชั่นบนคลาวด์ ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ยุคของการวิเคราะห์ข้อมูลที่ขับเคลื่อนโดย IoT, AI และระบบอัตโนมัติ (Automation) ที่ได้รับการสนับสนุนด้วยการประมวลผลและระบบเครือข่ายที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแอปพลิเคชันและภาระงานใหม่ ๆ ซึ่งทำงานประสานกันอยู่บนระบบคลาวด์แต่การปฏิบัติงานอยู่ที่ส่วนปลายของระบบเครือข่าย (Edge) เป็นผลให้องค์กรต่างสร้างข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างจำนวนมหาศาลขึ้นมาซึ่งหากนำมาวิเคราะห์และดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้วสามารถใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้และทำให้เกิดผลลัพธ์ใหม่ ๆ ที่ดีทางธุรกิจได้อีกด้วย กุญแจสำคัญในการเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เหล่านี้ให้กลายเป็นการกระทำที่มีความหมายคือการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลนี้ ณ จุดกำเนิด – คือที่ Edge – เป็นจุดที่ซึ่งผู้คน อุปกรณ์และสิ่งต่าง ๆ เชื่อมต่อเข้าสู่โลกดิจิทัล ความสามารถในการสร้างความเข้าใจเชิงลึกที่นำมาใช้ปฏิบัติได้ซึ่งวางรากฐานอยู่บนข้อมูลนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับช่วงเวลานี้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ที่ องค์กรธุรกิจ พนักงาน และ ระบบเครือข่าย ที่ต้องปรับตัวให้ทันกับความต้องการทางธุรกิจและสถานที่ทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

การจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง(unstructured data)ที่ Edge ได้ต้องการระบบเครือข่ายที่ใช้พลังของ AI ผ่านทางอุปกรณ์การตรวจวัดระบบเครือข่ายจากระยะไกลอัตโนมัติ (Network Telemetry) เพื่อประมวลผลข้อมูลขนาดมหึมา ที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ และยังต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่มี “สัมผัสพิเศษ” ที่ใช้พลังความสามารถของ AI เช่นกันเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อให้สามารถระบุปัญหาที่ได้ในเชิงรุก พร้อมแนะนำแนวทางการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและใช้ประโยชน์จากระบบอัตโนมัติเพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นคำสั่งในการแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ทำได้โดยไม่ต้องใช้แรงงานคนเลย ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลหาความเข้าใจเชิงลึกจากระบบเครือข่าย รวมทั้งของผู้ใช้และอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ Aruba ESP สามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารให้กลายเป็นความรู้ และนำมาใช้ช่วยองค์กรเร่งการเปลี่ยนผ่านและดำรงความต่อเนื่องทางธุรกิจได้ด้วยแพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานได้ทั้งบน ระบบที่ติดตั้งเอง (On-Premises) หรือระบบคลาวด์ และมีโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงปลอดภัยและเป็นเอกภาพครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรโดยพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีที่เป็นแกนหลักดังนี้

  • AIOps เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของ Aruba ESP ซึ่งใช้ AI และการวิเคราะห์หาต้นเหตุของปัญหาที่มีความถูกต้องมากกว่า 95% ทำให้ระบบเครือข่ายสามารถแก้ไขปัญหาเครือข่ายได้เองโดยอัตโนมัติ ตรวจสอบประสบการณ์ของผู้ใช้งานในเชิงรุก สามารถปรับแก้ระบบเครือข่ายเพื่อป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น และทำการเทียบเคียงกับค่าเบนช์มาร์คที่ใกล้เคียงและให้คำแนะนำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบเครือข่ายได้อย่างต่อเนื่อง ในการปรับใช้จริงของลูกค้าพบว่าการใช้ AIOps ส่งผลให้ความสามารถรับส่งข้อมูล (Throughput Capacity) เพิ่มขึ้น 15% และลดเวลาในการแก้ไขปัญหาลงเกือบ 90% เป็นผลรวมทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้และฝ่ายไอทีปรับปรุงดีขึ้นมาก
  • โครงสร้างพื้นฐานที่เป็นเอกภาพ (Unified Infrastructure) ได้รวมการดำเนินงานของระบบเครือข่ายทั้งหมดอันได้แก่อุปกรณ์สวิตช์, Wi-Fi และ SD-WAN ครอบคลุมทุกระบบเครือข่ายระดับ Campus Network , Data Center รวมถึงสาขา และ สภาพแวดล้อมที่มีผู้ปฏิบัติงานเข้ามาจากระยะไกลมาไว้ภายใต้ Aruba Central ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันคลาวด์-เนทีฟที่รวมเหตุการณ์ข้ามโดเมน (Cross-Domain Events) ทั้งหลายมาแสดงไว้บนจอภาพเดียว เพื่อลดเวลาในการแก้ไขปัญหาและข้อผิดพลาดจากการทำงานของมนุษย์ (Manual Errors) นอกจากนั้นแนวคิดเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นเอกภาพของ Aruba นี้ยังช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือก ได้ทั้งระบบ On-Premises และระบบคลาวด์ เพื่อให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในทางเลือกให้เหมาะสมกับขนาดของตน
  • ความมั่นคงปลอดภัยของระบบเครือข่ายแบบ Zero Trust เป็นการรวมเทคโนโลยีการให้สิทธิการเข้าถึงตามบทบาท (Role-Based Access) , การแยกส่วนระบบเครือข่ายอย่างไดนามิก (Dynamic Segmentation) และการตรวจจับการบุกรุกโดยระบุตัวตน (Identity-Based Intrusion Detection) เพื่อขจัดความต้องการใช้วิธีการแบ่งส่วนระบบเครือข่าย (Segmentation) แบบดั้งเดิมโดยสินเชิง ในขณะที่ยังคงสามารถตรวจจับ, ป้องกัน, แยกแยะและหยุดการโจมตี ระบบเครือข่ายก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ

“Aruba Edge Services Platform (ESP) ถูกการออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือองค์กรโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการตรวจวัดจากระยะไกลอัตโนมัติ (Data Telemetry) ในระบบเครือข่ายเพื่อลดการทำงานที่มีความซับซ้อน ด้วยการทำให้งาน IT Operation เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น องค์กรต่าง ๆ จึงสามารถแก้ปัญหาไอทีที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้นในขณะเดียวกันสามารถรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้แก่โครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายที่มีเอกภาพได้ทั่วถึงทุกแคมปัส สาขาและตอนนี้รวมถึงสาขาขนาดเล็กเช่นที่บ้านอีกด้วย จึงมีเวลาและทรัพยากรมากขึ้นเพื่อมุ่งทุ่มเทสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ” กล่าวโดยคุณจัสติน เฉียช (Justin Chiah) ผู้อำนวยการอาวุโสแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ไต้หวันและฮ่องกง/มาเก๊า, หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์, ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของอรูบ้า (Aruba) หนึ่งในเครือบริษัทฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์  “Aruba ESP มีความเหมาะสมอย่างสูงกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่แปรปรวนในทุกวันนี้ ดังที่เราได้เห็นกันว่าธุรกิจต่างกำลังเร่งความเร็วในการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัลและความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงนี้ส่วนใหญ่นั้นขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารจัดการระบบเครือข่ายซึ่งต้องมีความคล่องตัว ปรับขยายขนาดได้ เป็นคลาวด์-เนทีฟและมีความมั่นคงปลอดภัย”

นวัตกรรมล่าสุดของ Aruba ESP

Aruba ESP เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟแบบ Full-Stack ที่สามารถปรับขยายขนาดได้มากที่สุดเพื่อใช้กับสภาพแวดล้อมระบบเครือข่ายแบบใช้สายและแบบไร้สาย รวมทั้ง SD-WAN โดยได้รวมเอาองค์ประกอบของระบบเครือข่ายหลายอย่างไว้ด้วยกันอย่างเป็นเอกภาพสำหรับการบริหารจัดการและควบคุมจากศูนย์กลาง สามารถปรับโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้อุปกรณ์ของ Aruba ให้มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับการใช้งาน Aruba ESP พัฒนาตามมาตรฐานระบบเปิด (Open Standards) เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับโซลูชั่นและบริการของผู้พัฒนารายอื่น (Third-Party) ที่มีหลากหลาย นวัตกรรมที่สำคัญของ Aruba ESP ที่จะขอแนะนำในวันนี้ได้แก่:

  • การจัดการแบบคลาวด์เนทีฟสำหรับองค์กรทุกขนาด – Aruba Central ในปัจจุบันถูกใช้ดูแลระบบเครือข่ายที่สำคัญมากซึ่งหยุดการทำงานไม่ได้ (Mission Critical Network) ของลูกค้ามากกว่า 65,000 รายและด้วยบริการของ ArubaOS รุ่นใหม่ทำให้เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์เพียงแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถบริหารจัดการได้โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เฉพาะสำหรับการควบคุม (Controllerless) โดยสามารถให้การบริหารจัดการและการดำเนินงานได้แบบ Full-Stack สำหรับทั้งโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายแบบมีสาย ไร้สายและ SD-WAN ได้ทุกขนาดโดยครอบคลุมทุกแคมปัส ศูนย์ข้อมูล สาขา และสถานที่ที่พนักงานเชื่อมต่อเข้ามาทำงานจากระยะไกล ครอบคลุมทั้งระบบ On-Premise และระบบคลาวด์
  • การจัดการง่ายขึ้นด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นเอกภาพ (Unified Infrastructure) – ด้วยการเข้าถึงแหล่งข้อมูลร่วม (Common Data Lake) ผ่าน Aruba ESP ทำให้ Aruba Central เวอร์ชั่นล่าสุดได้รับการปรับปรุงให้สามารถเข้าถึงการทำงานต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น มีระบบค้นหาขั้นสูง (Advanced Search) และมุมมองเชิงบริบท (Contextual View) เพื่อนำเสนอข้อมูลได้หลายมิติผ่านจุดควบคุมเพียงจุดเดียว (Single Point-of-Control) ขจัดความจำเป็นในการใช้เครื่องมือที่แตกต่างกันในการรวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหลาย ๆ โดเมนและสถานที่
  • ลดเวลาในการแก้ไขปัญหาด้วย AI และระบบอัตโนมัติ – Aruba มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าทศวรรษในเรื่องของนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI มีเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างเช่น Aruba AirMatch ที่มีรากฐานเกิดจากการแบบจำลองข้อมูลที่สร้างขึ้นจากอุปกรณ์เครือข่ายมากกว่าหนึ่งล้านอุปกรณ์โดยทำให้เกิดข้อมูลมากกว่า 1.5B Data Points ต่อวัน และยังมีแอพพลิเคชั่น AI Insights ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่มาช่วยลดเวลาในการแก้ไขปัญหาโดยการระบุปัญหาการกำหนดค่าเครือข่ายที่ยากต่อการดูแล (Hard-to-See Network Configuration Issue) และชี้ให้เห็นสาเหตุหลักของปัญหา แนะนำวิธีการแก้ไขและสามารถจัดการแก้ไขตัวระบบเครือข่ายเองได้โดยอัตโนมัติ
  • ด้วยพลังขับเคลื่อนของ AI ทำให้ฝ่ายไอทีมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นมาก ขณะนี้ Aruba Central มีบริการ AI Search ซึ่งเป็นบริการค้นหาข้อมูลการประมวลผลภาษาที่เข้าใจง่าย (Natural Language Processing Data Discovery Service) ที่ช่วยให้ทีมไอทีสามารถขจัดความยุ่งวุ่นวายในการการตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ จน “หัวหมุน” (Swivel Chair) โดยใช้เพียงคำสั่งภาษาอังกฤษที่เรียบง่ายเพื่อดึงข้อมูลผู้ใช้และอุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนจากแหล่งข้อมูลร่วม (Common Data Lake) ของ Aruba ESP เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว สำหรับปัญหาที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นมี AI Assist ที่ใช้ระบบอัตโนมัติซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยเหตุการณ์ (Event-Drive Automation) เพื่อรวบรวมและโพสต์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ทั้งแผนกช่วยเหลือภายใน (Internal Help Desk) และศูนย์ความช่วยเหลือด้านเทคนิคของ Aruba (Technical Assistance Center : TAC)
  • การแสดงข้อมูลครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรได้อย่างละเอียดครบถ้วน (Granular Visibility) ของทุกแอปพลิเคชัน อุปกรณ์และระบบเครือข่าย – ส่วนขยายเพิ่มเติมของ Aruba Central ทำให้สามารถวิเคราะห์ระบบเครือข่ายแบบผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (User-Centric Analytics) ได้จาก User Experience Insight เพื่อช่วยระบุปัญหาในเรื่องประสิทธิภาพการดำเนินงานในระดับเครื่องลูกข่าย แอปพลิเคชันและระบบเครือข่ายได้เร็วขึ้น
  • เพิ่มอุปกรณ์สวิตช์รุ่นใหม่ที่ล้ำสมัยสำหรับองค์กรแบบกระจายและองค์กรขนาดกลาง – เพื่อช่วยให้องค์กรเร่งการแปลงที่ Edge, Aruba ได้ขยายพอร์ตโฟลิโอของ CX Switch โดยเพิ่ม Aruba CX 6200 Switch Series ซีรี่ส์ใหม่นี้นำเสนอความสามารถในการวิเคราะห์และมีระบบอัตโนมัติในตัวใช้ได้กับทุกเครือข่ายที่มีการเชื่อมต่อผู้ใช้และอุปกรณ์เกิดขึ้น โดยสามารถสร้างข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นได้ สวิตช์รุ่น CX 6200 นี้ทำให้ Aruba CX สวิตช์ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกระดับ แบบเอนด์ทูเอนด์ ช่วยให้ลูกค้าสามารถนำไปใช้ได้ครอบคลุมตั้งแต่แคมปัสใหญ่ขององค์กรและในระดับสาขาไปจนถึงศูนย์ข้อมูล
  • สร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องด้วย Developer Hub ตัวใหม่ – Aruba ได้เปิดตัว Developer Hub ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรที่ครอบคลุมครบถ้วนตามความต้องการของนักพัฒนา ศูนย์รวมนี้จะรวม Aruba APIs และเอกสารต่าง ๆ เพื่อใช้ปรับปรุงการพัฒนาแอปพลิเคชันให้มีประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและล้ำสมัยโดยใช้ประโยชน์จากการที่ Aruba ESP เป็นแพลตฟอร์มตามมาตรฐานระบบเปิด

“เครือข่ายขนาดใหญ่ของเราครอบคลุมแคมปัสและศูนย์การเรียนรู้หลายแห่งซึ่งล้วนต้องใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องการระบบเครือข่ายประสิทธิภาพสูง (Performance-Stringent Applications) เพื่อให้นักศึกษา นักวิชาการและนักวิจัยของเราเชื่อมต่อและทำงานกันได้อย่างมีประสิทธิผล” กล่าวโดย รอน การ์ดเนอร์ (Ron Gardner) วิศวกรโครงสร้างพื้นฐานอาวุโสของ James Cook กล่าว “เราเลือกใช้แนวทางคลาวด์ต้องมาก่อน (Cloud-First Approach) ในการดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานของเราและเพิ่มขยายความสามารถด้วยการใช้ Aruba Central และ ArubaOS ทำให้เรามีความสามารถมองเห็นข้อมูลที่ครอบคลุมทั่วทั้งระบบ (Visibility) และสร้างความเข้าใจเชิงลึก (Insight) เพื่อนำมาใช้ทำให้การดำเนินงานง่ายขึ้นในขณะที่ลดพื้นที่ในการติดตั้งอุปกรณ์ (Equipment Footprint) ลงและสามารถทำการบริหารจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยได้จากคลาวด์ให้แก่แคมปัสใหญ่ ๆ และหน่วยงานต่าง ๆ ของเราที่กระจายกันอยู่ได้ ในที่สุดจะช่วยให้เราสามารถระบุและแก้ไขปัญหาได้ในเชิงรุก ก่อนที่จะเกิดขึ้นมาทำให้การดำเนินงานของเราต้องสดุดลง”

เพื่อตอบสนองความต้องการด้านธุรกิจและด้านเทคนิคที่แตกต่างกันขององค์กรที่ต่างต้องการควบคุมและใช้ประโยชน์จากพลังของ Intelligent Edge ดังนั้น Aruba จึงได้เพิ่มทางเลือกในการจัดซื้อจัดหาให้แก่องค์กรต่าง ๆ โดยสามารถเลือกใช้บริการ Network as a Service จาก HPE GreenLake หรือลูกค้าสามารถจัดซื้อจัดหา Aruba ESP ด้วยทางเลือกทางการเงินที่ยืดหยุ่นผ่าน HPE Financial Services ตัวอย่างเช่นลูกค้าสามารถได้รับเทคโนโลยีที่พวกเขาต้องการในวันนี้และจ่ายเพียง 1% ของมูลค่าสัญญาทั้งหมดในแต่ละเดือนสำหรับแปดเดือนแรกโดยเลื่อนการจ่ายอีก 90% ของค่าใช้จ่ายไปจนถึงปี 2021 (พ.ศ.2564)

“ด้วยขนาดของโครงสร้างพื้นฐานและปริมาณข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ถูกสร้างขึ้นที่ Edge เราต้องการแนวทางการทำงานที่เป็นระบบ และสามารถระบุ แก้ไขและปรับแต่งเครือข่ายได้โดยอัตโนมัติ” กล่าวโดย แบรนดอน สตราดัน (Brandon Stratton) ผู้ดูแลระบบเครือข่าย ES ของแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศที่มหาวิทยาลัยฮูสตันกล่าว “ความเชี่ยวชาญและแนวทางของ Aruba กับโซลูชั่นที่ใช้ระบบ AI เช่น NetInsight แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่นำมาปฏิบัติได้สำหรับเราในการวิเคราะห์แล้วดำเนินการกับข้อมูลเชิงลึกที่เรารวบรวมมาได้”