ซื้อมือถืออย่างไร ไม่ให้เสียใจเมื่อเดินออกจากร้าน

ซื้อมือถืออย่างไร

บทความนี้เกิดขึ้นจากการที่ผมเห็นเพื่อน ๆ หลายคนที่เก็บหอมรอมริบเงินเดือนเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อจะซื้อมือถือใหม่ดี ๆ สักเครื่องเป็นของขวัญให้กับตัวเอง แต่เมื่อซื้อไปแล้วกลับพบปัญหานู่นนี่นั่น แล้วที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ ไม่สามารถเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ (ตามนโยบายของบางดีลเลอร์ หรือเงื่อนไขการรับประกัน) เอาละซิจะทำยังไงดี ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ โวยในพันทิปก็ไม่ช่วยอะไร ก็ต้องส่งเครื่องซ่อมตามเงื่อนไขของบริษัทไป

ในบทความนี้ผมจะมาบอกวิธีที่ทำให้คุณซื้อมือถือได้อย่างสบายใจ ว่ามือถือที่ซื้อมาใช้งานได้ ไม่มีปัญหา ในระดับมาตรฐานการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าคุณจะโชคร้ายกว่านี้เจอปัญหาในระดับลึก ๆ ที่แอบอยู่ก็ถือว่าเป็นความโชคร้ายส่วนบุคคลนะครับ

ซื้อมือถืออย่างไร

หาร้านที่ไว้ใจได้

การซื้อมือถือดี ๆ สักเครื่อง ควรจะหาร้านที่ไว้ใจได้ หรือไม่ก็ไปซื้อที่ศูนย์ของมือถือนั้น ๆ หรืออาจจะซื้อตามร้านของผู้ให้บริการค่ายมือถือก็ได้ครับ เพราะส่วนใหญ่มือถือที่ขายตามศูนย์เหล่านี้จะรับประกันโดยบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ ถ้าเครื่องมีปัญหาสามารถส่งซ่อมที่ศูนย์บริการของมือถือยี่ห้อนั้น ๆ ได้

เช็กกล่อง

เมื่อตัดสินใจซื้อแล้ว พนักงานจะไปหยิบมือถือมาให้ เมื่อได้มือถือมา ให้บอกพนักงานว่ายังไม่ต้องทำอะไร ขอเช็กสภาพกล่องก่อนเลยครับ ซึ่งกล่องต้องมีการซีลปิดผนึกเรียบร้อย ไม่มีการฉีกขาด ตัวกล่องไม่บุบ ไม่มีคราบน้ำ ถ้าหากมีอะไรผิดปกติ ให้ขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ทันที

เช็กเครื่อง

เมื่อเช็กกล่องว่าเรียบร้อยดีแล้ว ทีนี้มาเช็กเครื่องกัน ก่อนที่จะเปิดเครื่อง ให้เช็กสภาพเครื่องภายนอกก่อนเลยครับว่ามีร่องรอยการใช้งานมาก่อนหรือไม่ มีซีลพลาสติกหุ้มเรียบร้อยดีไหม (มือถือบางรุ่นจะมีพลาสติกหุ้มไว้ เช่น iPhone) ตัวเครื่องมีรอยบุบหรือมีรอยขีดข่วนหรือเปล่า ถ้ามี ลองดูว่าเช็ดออกหรือไม่ ให้พนักงานเช็ดดูก็ได้ ถ้าเช็ดไม่ออก ให้ขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ทันทีครับ

จากนั้นเช็กอุปกรณ์ต่าง ๆ ว่าให้มาครบไหม เช่น ฟิล์มกันรอย แบตเตอรี่ หูฟัง สายชาร์จ สายต่อคอมพิวเตอร์ คู่มือ ที่ถอดซิมและใบรับประกันต่าง ๆ ขั้นตอนต่อไปให้เช็กปุ่มกดต่าง ๆ เช่น ปุ่ม Power, ปุ่ม Home, ปุ่มเร่งเสียง ว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไหม กดแล้วเด้งกลับหรือไม่ ถ้าอุปกรณ์ต่าง ๆ มีไม่ครบ หรือปุ่มกดแล้วไม่เด้ง ให้ขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ทันทีครับ

เช็กการทำงานของเครื่อง

เมื่อตรวจสอบภายนอกแล้ว ทีนี้มาดูเรื่องของการทำงานบ้าง ลองเปิดการใช้งานเครื่อง เช็กฟังก์ชันการทำงานต่าง ๆ เช็กหน้าจอว่ามี Dead Pixel (จุดเสียบนหน้าจอ) หรือไม่ สำหรับมือถือ Android ให้กด *#0*# เพื่อเข้าสู่โหมดเทสเครื่อง จากนั้นก็กดตามคำสั่งต่าง ๆ เพื่อเช็กตัวเครื่อง เช็คการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต, WiFi และลองโทรเข้า-โทรออก

สำหรับ iPhone อาจจะยากตรงที่ไม่มีโปรแกรมเช็กตัวเครื่องมาให้ คุณต้องทำการเช็กเองครับ สำหรับการเช็กหน้าจอ Dead Pixel ให้คุณต่ออินเทอร์เน็ตแล้วไปที่เว็บ http://iphonedpt.awardspace.com/ แล้วทดลองทำตามขั้นตอนให้เว็บดูครับ จากนั้นก็ใช้งานถ่ายรูปจากกล้องหน้า-หลัง, ถ่ายวิดีโอ, ทดสอบเสียง, ต่อ WiFi, ลองหมุนหน้าจอ ปรับความสว่างหน้าจอ ทดสอบปุ่มต่าง ๆ ว่าใช้งานได้ตรงไหม เช่น ปุ่ม Home ปุ่มเร่งเสียง หรือปุ่มปิดเสียง

เช็กหมายเลข IMEI

กด *#06# เพื่อเรียกหมายเลข IMEI ของเครื่องขึ้นมาดู ซึ่งเลขนี้จะต้องตรงกับหมายเลขที่ข้างกล่อง ถ้าไม่ตรงให้ขอเปลี่ยนเครื่องเลยครับ เพราะคุณอาจจะโดนเอาเครื่องซ่อมมาขาย

อย่าลืมถามเรื่องการรับประกัน

ก่อนจะเดินออกจากร้าน สอบถามเรื่องการประกันให้เรียบร้อย ซึ่งปกติมือถือจะรับประกัน 1 ปี แต่ที่อยากจะให้ผู้อ่านเน้นก็คือ การรับประกัน “การเปลี่ยนเครื่องใหม่” ภายใน 7-14 วัน ตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัท เพราะบางดีลเลอร์ต้องตรวจเช็กเครื่องให้เรียบร้อยก่อนออกจากร้าน ถ้ามีปัญหาจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ แต่ถ้าเดินออกจากร้านไปแล้ว นโยบายจะกลายเป็นส่งเครื่องซ่อมทันที ที่ให้เน้นถามเรื่องนี้ก็คือ ต่อให้เราทดสอบเครื่องที่หน้าร้านจนถี่ถ้วนแค่ไหนก็ตาม การใช้งานจริงจะเป็นตัวบอกว่า เครื่องเรานั้นมีปัญหาหรือไม่

เรียบเรียงโดย ธนกิตติ์ ขยันการนาวี

 

 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here