อย่าเข้าใจผิด Incognito Mode กับ VPN ความแตกต่าง ระวังสับสน

VPN และ Incognito Mode (โหมดไม่ระบุตัวตน) เป็นสองเครื่องมือยอดนิยม หากใครต้องการความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ โดย VPN ทำให้เราถูกติดตามได้ยากขึ้น ในขณะการท่องเว็บผ่านโหมดไม่ระบุตัวตนทำให้เบราว์เซอร์ไม่จดจำประวัติของเรา

แต่มันมีแค่นั้นจริง ๆ หรือ ? ลองมาดูความสามารถชัด ๆ ทีละอย่างกันครับ

โหมดไม่ระบุตัวตนคือ ?
การใช้โหมดไม่ระบุตัวตนมีชื่อเรียกไม่เหมือนกันในแต่ละเบราว์เซอร์ เช่น InPrivate ใน Microsoft Edge และ Incognito Mode ใน Chrome พูดง่าย ๆ คือโหมดนี้จะทำให้เบราว์เซอร์ของเราความจำเสื่อมชั่วคราว เมื่อใดก็ตามที่เราอยู่ในโหมดนี้ เบราว์เซอร์จะไม่จัดเก็บข้อมูลของเว็บที่เราเข้า ไม่มีที่อยู่ ไม่มีคุกกี้ไม่มีข้อมูลที่เราป้อนก่อนหน้า ไม่มีอะไรเลย
.
เมื่อเราใช้งานในในโหมดไม่ระบุตัวตน เบราว์เซอร์จะจำสิ่งที่เราทำไม่ได้ หน้าเว็บที่เราเข้าจะไม่ปรากฏในประวัติหรือป๊อปอัปในแท็บ “recently visited” หรือการเข้าดูล่าสุด” หากเราเคยลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์บางเว็บและเผลอปิด เราก็ต้องล๊อกอินเข้าใหม่ครับ
.
ทั้งหมดนี้คือความสามารถหลัก ๆ ของโหมดไม่ระบุตัวตนนะ
.
แล้ว VPN คือ ?
เป็นบริการจุดเชื่อมต่อกลาง ที่จะซ่อนตัวตนเราอย่างมิดชิด หากเราต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยแบบขั้นสุด โดยเมื่อเราเริ่มใช้ VPN จะเชื่อมต่อไปยังเซิฟเวอร์ของผู้ให้บริการ และจากนั้นเขาจะปลอมเลข IP Address เรา ให้ระบุตำแหน่งจากที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ ซึ่งทำให้เราสามารถเข้าเว็บที่ถูกปิดกั้นได้เช่นกันครับ
.
หากเราใช้งานปกติที่ต้องการจะเข้าเว็บ Techhb จะเป็นการเชื่อมต่อไปที่ Techhub  โดยตรง แต่หากใช้ VPN จะเชื่อมต่อโดย Device >> VPN >> Techhub ซึ่งจะมี VPN เป็นตัวกลางเข้ามาเปลี่ยนตำแหน่งและปลอม IP Address เพิ่ม
.
จุดประสงค์ของ VPN ก็เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการท่องโลกอินเทอร์เน็ต สร้างความเป็นส่วนตัว และเข้าเว็บที่ถูกบล็อคได้โดยไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร เพราะใช้ IP ปลอม และอาจกำหนดตำแหน่งให้เราอยู่ซาอุ ทั้ง ๆ ที่เราอาจนั่งชิลอยู่ที่น้ำตกนางรองก็เป็นได้
.
ก่อนหน้านี้ VPN ถูกใช้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์อย่าง Netfilx ที่ถูกบล็อคโดยบางประเทศ เพราะขัดต่อกฏหมาย และตอนนี้ประเทศแห่งหนึ่งในเอเชีย ก็มีการใช้ VPN เพื่อเข้าถึงเว็บ 18+ โดยเฉพาะ (แฮร่ ๆ )
.
สรุปข้อแตกต่างของทั้งอย่าง โหมดไม่ระบุตัวตน ถูกใช้เพื่อไม่ให้เว็บนั้นจำค่าต่าง ๆ ทั้ง Password ประวัติการใช้งาน คุ้กกี้ แต่เรายังโดนติดตามได้อยู่ (อย่าเผลอเปิดโหมดไม่ระบุตัวตนไปเกรียนใส่ใครล่ะ เขายังติดตามคุณได้นะ)
.
แต่ VPN เป็นการซ่อนตัวตนอย่างมิดชิด ไม่สามารถระบุได้ว่าเราเป็นใคร อาศัยอยู่ที่ไหน ทำให้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อค (หากใช้ VPN กับเจ้าที่มีคุณภาพนะ) แต่ก็ไม่แนะนำให้ไปเกรียนใส่ใครในโลกออนไลน์นะครับ และการใช้ VPN จะมีค่าบริการเพิ่มเติม รวมทั้งส่งผลให้อินเทอร์เน็ตช้าลงบางส่วน หากเซิฟเวอร์ผู้ให้บริการ VPN อยู่ไกลจากเรามาก ๆ