การ ปรับสภาพดาวอังคาร หรือที่เรียกว่า Terraforming ที่เคยเป็นเพียงจินตนาการในนิยายวิทยาศาสตร์ กำลังจะกลายเป็นความจริง
ผลการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Astronomy ได้เปิดเผยแผนการ 3 ขั้นตอน ที่จะเปลี่ยนดาวเคราะห์สีแดงให้กลายเป็นดาวที่มนุษย์สามารถใช้ชีวิตบนดาวอังคาร ได้เหมือนโลกใบที่สอง ความหวังนี้เกิดขึ้นได้จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่างยาน Starship และชีววิทยาสังเคราะห์
แนวคิดการเปลี่ยนดาวอังคารให้เหมือนโลกนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ครั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้วางแผนที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการ สร้างอาณานิคมบนดาวอังคาร แผนการดังกล่าวประกอบด้วย 3 ขั้นตอนคือ
1.อุ่นเครื่องดาวอังคารเพื่อสร้างมหาสมุทร
เป้าหมายแรกคือการเพิ่มอุณหภูมิพื้นผิวของดาวอังคารขึ้นราว 30 องศาเซลเซียส เพื่อละลายน้ำบนดาวอังคาร ที่ถูกแช่แข็งอยู่บริเวณขั้วดาวและใต้ดิน ซึ่งมีปริมาณมากพอที่จะสร้างมหาสมุทรขนาดใหญ่ได้
วิธีการนี้ จะใช้เทคโนโลยีที่ถูกเรียกว่า “ใบเรือสุริยะ” ทำหน้าที่เป็นกระจกยักษ์ในอวกาศ เพื่อรวมแสงอาทิตย์ส่องไปยังดาวอังคารโดยตรง ควบคู่ไปกับการใช้สารเคมีสร้างภาวะเรือนกระจกเพื่อกักเก็บความร้อน ซึ่งนักวิจัยคาดว่าอาจทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นตามเป้าหมายได้ภายในหนึ่งศตวรรษ
2.ส่งกองทัพจุลินทรีย์กเบิกดาวเคราะห์
เมื่อดาวอังคารอุ่นขึ้นและมีน้ำที่เป็นของเหลว ขั้นต่อไปคือการส่ง สิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร กลุ่มแรกไป นั่นคือ “เอ็กซ์ตรีโมไฟล์” จุลินทรีย์ที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมสุดโหดได้ดีที่สุดบนโลก โดยอาจมีการดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้พวกมันทนต่อความหนาวเย็นและความกดอากาศต่ำของดาวอังคารได้ดียิ่งขึ้น
จุลินทรีย์เหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นผู้บุกเบิกเริ่มต้น พวกมันจะเข้าไปปรับเปลี่ยนองค์ประกอบทางเคมีของดินและน้ำ และปูทางไปสู่การสร้างระบบนิเวศที่สามารถผลิตอาหารได้ในอนาคต
3.สร้างออกซิเจนบนดาวอังคารเพื่อการหายใจ
ขั้นตอนนี้ถือเป็นความท้าทายและใช้เวลานานที่สุด นั่นคือการสร้างชั้นบรรยากาศให้มี ออกซิเจนบนดาวอังคารหนาแน่นพอที่พืชและมนุษย์จะดำรงชีวิตอยู่ได้ (ประมาณ 10% ของโลก)
ในระยะแรก อาจสร้างโดมขนาดยักษ์เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ก่อน จากนั้นจึงเริ่มปลูกพืชเพื่อให้ออกซิเจนค่อยๆ เพิ่มขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งกระบวนการทางธรรมชาตินี้อาจใช้เวลานานนับพันปี แต่นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาแนวทางเร่งกระบวนการโดยการสกัดออกซิเจนจากน้ำโดยตรง
แม้แผนการยึดครองดาวอังคาร นี้จะยังอยู่ในขั้นการศึกษาและมีประเด็นด้านจริยธรรมที่ต้องถกเถียงกันอยู่ แต่การศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า การเทอร์ราฟอร์มมิงบนดาวอังคาร ไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝันอีกต่อไป และอาจเป็นสุดยอดภารกิจฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติก็เป็นได้
ที่มา
