รายงาน Ericsson Mobility ฉบับล่าสุด เผยยอดบัญชีผู้ใช้ 5G ทั่วโลก จะพุ่งแตะ 6.3 พันล้านราย ในปี 2030

อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) คาด สิ้นปี 2030 จำนวนบัญชีผู้ใช้บริการ 5G ทั่วโลก จะพุ่งแตะ 6.3 พันล้านราย ตามรายงาน Ericsson Mobility Report (ฉบับเดือนมิถุนายน 2025) และคาดว่าสิ้นปี 2025 บัญชีผู้ใช้ 5G ทั่วโลกจะเพิ่มเป็น 2.9 พันล้านราย หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดผู้ใช้บริการมือถือทั้งหมด

ปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตบนเครือข่ายมือถือทั่วโลกเพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสแรกของปี 2024 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีนี้ ถึงแม้อัตราการเติบโตจะลดลง แต่ปริมาณการใช้ดาต้ายังเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในรายงาน Ericsson Mobility Report ยังคาดการณ์ว่ายอดการใช้ดาต้าเน็ตมือถือจะเพิ่มมากกว่าสองเท่าตลอดช่วงของการคาดการณ์จนถึงสิ้นปี 2030

เมื่อสิ้นปี 2024 เครือข่าย 5G รองรับการใช้ดาต้าเน็ตมือถือทั่วโลกถึง 35% โดยคาดการณ์ว่าสิ้นปี 2030 ตัวเลขนี้จะขยับเพิ่มขึ้นเกินกว่า 80%

เครือข่าย 5G Mid-Band ครอบคลุมเกิน 50% ของจำนวนประชากรในทวีปยุโรป เมื่อสิ้นปี 2024 อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าความครอบคลุมของเครือข่าย 5G Mid-Band ในภูมิภาคนี้จะอยู่ในระนาบเดียวกับค่าเฉลี่ยของโลก แต่ยังตามหลังประเทศผู้นำต่าง ๆ อาทิ อเมริกาเหนือที่นำ 5G Mid-Band มาใช้งานครอบคลุมเกินกว่า 90% ของประชากร และอินเดียที่ใช้ 5G Mid-Band ครอบคลุมถึง 95% ของประชากร

ในปี 2030 คาดว่าจำนวนบัญชีผู้ใช้บริการ 5G ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย จะเพิ่มเป็น 630 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 49% ของจำนวนบัญชีผู้ใช้บริการมือถือทั้งหมดในภูมิภาคนี้ ขณะที่ปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตต่อสมาร์ทโฟนคาดว่าจะเติบโตจาก 19 กิกะไบต์ต่อเดือน ในปี 2024 เพิ่มเป็น 38 กิกะไบต์ต่อเดือน ในปี 2030

สำหรับประเทศไทย เครือข่าย 5G เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการบริโภคข้อมูลและการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้งาน (ARPU)

มร.แอนเดอร์ส เรียน ประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “เราอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่เครือข่าย 5G และระบบนิเวศมีความพร้อมที่จะปลดปล่อย A Wave of Innovation หรือคลื่นแห่งนวัตกรรม ด้วยความก้าวหน้าของเครือข่าย 5G Standalone (SA) ประกอบกับพัฒนาการในอุปกรณ์ที่รองรับ 5G ได้นำไปสู่ระบบนิเวศที่พร้อมสำหรับการปลดล็อกโอกาสเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ในการเชื่อมต่อไอเดียสร้างสรรค์ และเพื่อให้ 5G ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการคือการนำเครือข่าย 5G SA มาใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสร้างฐานย่านความถี่ Mid-Band เพิ่มเติม”

อีริคสัน ประเทศไทย พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของประเทศไทย โดยอาศัยความเป็นผู้นำระดับโลกของเราในด้านเทคโนโลยี 5G ที่วันนี้เปิดให้บริการเครือข่าย 5G ไปแล้ว 187 เครือข่ายทั่วโลก “วิสัยทัศน์หลักของเรา คือ การสร้างเครือข่ายการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูง เชื่อถือได้ และยั่งยืน เพื่อเร่งการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล…เราเชื่อว่าการร่วมมือที่เข้มแข็งในระบบนิเวศเป็นสิ่งสำคัญช่วยปลดล็อกศักยภาพของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลได้เต็มที่ ด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐ พันธมิตรในอุตสาหกรรม และชุมชนต่าง ๆ เราตั้งเป้าส่งเสริมนวัตกรรม สร้างความเท่าเทียม และการเติบโตระยะยาวให้กับประเทศไทย” มร.แอนเดอร์ส กล่าว

มียูสเคสการใช้งาน 5G ปัจจุบันและในอนาคตมากมายที่อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับองค์กรต่าง ๆ ทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพ เตรียมพร้อมสำหรับอนาคต และมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ความเป็นไปได้ของ 5G ไม่เพียงช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองความต้องการของโลกยุคใหม่ได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยควบคู่ไปด้วยกัน

ความก้าวหน้าของเครือข่าย 5G Standalone (SA) ประกอบกับพัฒนาการในอุปกรณ์ที่รองรับ 5G นำไปสู่ระบบนิเวศที่พร้อมสำหรับปลดล็อกโอกาสเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ เพื่อเชื่อมต่อไอเดียสร้างสรรค์ “เพื่อให้ 5G ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการคือการนำเครือข่าย 5G SA มาใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสร้างฐานย่านความถี่ Mid-Band เพิ่มเติม” มร.แอนเดอร์ส กล่าว

การใช้ 5G SA ที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับการนำไปปรับใช้และขับเคลื่อนยูสเคสการใช้งานใหม่ ๆ ให้กับทั้งองค์กรและผู้บริโภค

เนื่องจากอุปกรณ์ generative AI (GenAI) เป็นที่แพร่หลายและแอปฯ AI มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันและผู้ให้บริการด้านการสื่อสารจึงต้องให้ความสำคัญกับความสามารถในการอัปลิงก์ (Uplink) และระยะเวลาแฝงในการรับ-ส่งข้อมูล (Latency) มากขึ้น ตามรายงาน Ericsson Mobility Report ระบุถึงอุปกรณ์ 5G ที่เป็นนวัตกรรมอื่น ๆ นอกเหนอจาก GenAI ที่ฝังอยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่นไฮเอนด์ อย่าง แว่นตาอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI และใช้ประสิทธิภาพจากการโต้ตอบด้วยเสียง รวมถึงการนำประสิทธิภาพการเชื่อมต่อที่แตกต่างกัน (Differentiated Connectivity) มาใช้มากขึ้นในแอปพลิเคชันใหม่ ๆ สำหรับผู้บริโภคและสำหรับองค์กร โดย Differentiated Connectivity จะเป็นกุญแจสำคัญมอบประสบการณ์คุณภาพสูงให้กับผู้ใช้ สำหรับ AI Agent ที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลและแอปพลิเคชันการสนทนาอื่น ๆ

“หัวใจหลักของการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายของเรา คือ ความตั้งใจแน่วแน่และมีจริยธรรม มีความซื่อสัตย์ และโปร่งใส เรามุ่งมั่นสร้างมาตรฐานความเป็นเลิศและสรรหาแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดมอบให้กับอุตสาหกรรม เพื่อให้มั่นใจว่าบทบาทและการมีส่วนร่วมของเราสามารถสร้างผลกระทบและมีความรับผิดชอบไปพร้อมกัน ด้วยการผนึกกำลังร่วมกัน เรากำลังสร้างอนาคตที่เชื่อมต่อถึงกันให้กับประเทศไทย ซึ่งมีทั้งความครอบคลุม ยืดหยุ่น และพร้อมเปิดรับทุกโอกาสในอนาคต” มร.แอนเดอร์ส กล่าวสรุป

อ่านรายงาน Ericsson Mobility ฉบับเต็ม มิถุนายน 2025 ได้ที่ลิงก์นี้