ในยุคที่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ คำถามสำคัญที่หลายประเทศต้องเผชิญคือ จะกำกับดูแล AI อย่างไรโดยไม่ปิดกั้นนวัตกรรม คำตอบที่หลายฝ่ายทั่วโลกให้ความสนใจคือ AI Sandbox ซึ่ง ETDA มองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยมี กฎหมาย AI ที่ทันสมัยและเหมาะสมกับบริบทของเรา
AI Sandbox เปรียบเสมือนพื้นที่ทดสอบที่เปิดโอกาสให้ผู้พัฒนา นวัตกรรม AI สามารถทดลองใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ ภายใต้การดูแลและคำแนะนำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ETDA โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อประเมินความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ใช้งานและสังคม
สำหรับประเทศไทย แม้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่กฎหมายปัญญาประดิษฐ์ ฉบับแรกของไทยก็ได้ให้ความสำคัญกับการผลักดัน AI Sandbox เป็นอย่างมาก เพื่อใช้เป็นกลไกในการสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค การเรียนรู้จาก AI Sandbox นี้จะช่วยให้หน่วยงานภาครัฐเข้าใจเทคโนโลยีอย่างลึกซึ้ง และสามารถออกกฎหมายและแนวทาง กำกับดูแล AI ที่ยืดหยุ่นและทันสมัยได้อย่างแท้จริง
AI Sandbox ของไทยถึงแม้จะอยู่ในสเตจตั้งต้นแนวคิด แต่ใช่ว่าเราจะไม่เคยมี Sandbox เลย เพราะที่ผ่านมา ประเทศไทยโดยหลายๆ หน่วยงาน รวมถึง ETDA ต่างก็ได้เปิดสนามทดสอบนวัตกรรม หรือ Innovation Sandbox เป็นพื้นที่สำหรับทดสอบนวัตกรรม และบริการดิจิทัลใหม่ๆในวงจำกัด เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ และกำหนดทิศทางของแนวปฏิบัติ มาตรฐาน ตลอดจนกฎหมายที่สอดคล้องกับบริบทของการพัฒนานวัตกรรมมาอย่างต่อเนื่อง
ไม่เพียงเท่านี้ ภายใต้ร่างหลักการของกฎหมายว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์ฉบับแรกของประเทศ ยังได้ระบุถึงการขับเคลื่อนให้เกิด AI sandbox ที่เป็นพื้นที่ทดลอง และร่วมกันคิด กฎเกณฑ์ในการกำกับดูแลที่เหมาะสมสำหรับเทคโนโลยี AI ลดความเสี่ยงก่อนนำไปใช้จริง โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลหรือกลุ่มเปราะบาง ถือเป็นแนวทางสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค สู่การกำหนดทิศทางการร่างกฎหมาย AI ของไทยในอนาคตต่อไป
การเริ่มต้น AI Sandbox คือการวางรากฐานระบบนิเวศ AI ที่มีธรรมาภิบาล โดยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้และร่วมกันกำหนดทิศทาง กฎหมายปัญญาประดิษฐ์ ของประเทศไปพร้อมกัน ทำให้มั่นใจได้ว่า AI Act ไทย จะเป็นผลลัพธ์จากการ ‘ออกแบบร่วมกันของทุกฝ่าย’ อย่างแท้จริง
ที่มา
ETDA